ถ้าจะกล่าวถึง หลวงปู่ทวด คงจะไม่มีใครไม่รู้จักเพราะด้วยความศักดิ์สิทธิ์ที่ได้กล่าวขานกันมาอย่างยาวนานและความเคารพศรัทธาที่ทุกคนมาต่อท่าน จากสมญานาม หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด นั้นเกิดจากเมื่อครั้งอดีตการเดินทางจากสงขลามาอยุธยานั้น จะต้องเดินทางทางเรือและใช้เวลาเป็นปี
เมื่อครั้งนั้นลูกเรือชาวมุสลิมของเรือลำที่หลวงปู่ทวดเดินทางมาด้วย มัวแต่ตั้งวงเล่นไพ่จนลืมเตรียมน้ำจืดไว้กินไว้ใช้บนเรือ และเมื่อออกเดินทางจึงไม่มีน้ำดื่มน้ำใช้กัน แล้วพาลมากล่าวหาว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพราะมีภิกษุร่วมเดินทางมาด้วย ทำให้พวกเขาจะพากันอดน้ำตาย คิดได้ดังนั้นจึงคิดไล่หลวงปู่ทวดลงจากเรือ
ท่านจึงได้อธิษฐานว่า “หากแม้ข้านี้สามารถที่จะสืบต่ออายุพุทธศาสนา ทำงานให้ศาสนารุ่งเรือง ขอให้น้ำทะเลบริเวณที่เท้าเหยียบลงไปนี้จงกลายเป็นน้ำจืดเถิด”
แล้วท่านก็เอาเท้าจุ่มลงทะเล น้ำบริเวณที่ท่านจุ่มเท้าลงไปนั้นกลายเป็นน้ำจืด พวกชาวเรือสำเภานั้นจึงได้ตักขึ้นไว้ใช้ในเรือ ๑๓ โอ่ง มีน้ำใช้ตลอดทางจนถึงอโยธยา และด้วยเหตุการณ์ครั้งนี้เองท่านจึงได้รับสมญานามว่า “หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด”
นอกจากนี้ยังมีบทสวดหลวงปู่ทวดที่จะให้ผลทางแคล้วคลาด ป้องกันภัย ทำให้เป็นที่นิยมก่อนขึ้นรถ ลงเรือ จะทำให้ปลอดภัยจากภยันตรายต่าง ๆ หรือหากต้องไปทำงานที่เสี่ยงอันตราย เข้าป่าดงพงไพร สวดคาถานี้เป็นการคุ้มครองตนได้เป็นอย่างดี เสมือนกับการอาราธนาพระหลวงปู่ทวดขึ้นคอ
สารบัญ
Toggleคาถาหลวงปู่ทวด
ตั้งนะโม 3 จบ
นะโมโพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติภควา
(สวดได้ 3, 5 , 7, 9 จบ)
คาถาหลวงปู่ทวดให้รวย
ตั้งนะโม 3 จบ
พุทธะนิมิต มหาเมตตา สิทธิพรชัย ลาภหลั่งไหลมา โสมานิอึ
นอกจากนี้แล้ว เพื่อเพิ่มความเข้มขลังของคาถาหลวงปู่ทวด ได้มีการเพิ่มคาถาหัวใจพระเจ้า ๕ พระองค์ไว้ด้านหน้าและด้านหลัง กลายเป็น “คาถาหลวงปู่ทวดเปิดโลก” เป็นดังนี้
ตั้งนะโม 3 จบ
นะ เปิด โม เปิด พุท เปิด ธา เปิด ยะ เปิดโลกด้วย นะโมโพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติภควา ยะธาพุทโมนะ
พระคาถาพระเจ้า ๕ พระองค์ หรือ คาถาแม่ธาตุใหญ่ ที่ว่า “นะ โม พุท ธา ยะ” มีพุทธคุณเหนือยันต์ทั้งปวง รวมทั้งมีความเชื่อสืบต่อกันว่า
“ผู้ใดที่ท่องหรือบริกรรมพระคาถาบทนี้ ด้วยจิตอันสงบและมั่นคงแล้ว จะมีพุทธคุณคุ้มครองครอบจักรวาล” หรืออาจกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ “มีพุทธคุณครบทุกด้าน เช่น เมตตามหานิยม แคล้วคลาด ป้องกันภัย มหาเสน่ห์ มหาอุด รวมทั้งไล่ภูตผี และใช้กันเสนียดจัญไรได้อีกด้วย”
ความหมายของ “นะ โม พุท ธา ยะ” มีดังนี้
“นะ” หมายถึง พระกุกกุสันโธ ใช้เขียนแทน ธาตุน้ำ หรือ อาโปธาตุ มีกำลังเท่ากับ ๑๒ ใช้ในการปลุกเสกให้เกิดพุทธคุณด้านเมตตามหานิยม
“โม” หมายถึง พระโกนาคม ใช้เขียนแทน ธาตุดิน หรือ ปฐวีธาตุ มีกำลังเท่ากับ ๒๑ ใช้ในการปลุกเสกให้เกิดพุทธคุณด้านคงกระพันชาตรี
“พุท” หมายถึง พระกัสสปะ ใช้เขียนแทน ธาตุไฟ หรือ เตโชธาตุ มีกำลังเท่ากับ ๖ ใช้ในการขับไล่สิ่งอัปมงคล หรือสะเดาะเคราะห์
“ธา” หมายถึง พระสมณะโคดม (พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน) ใช้เขียนแทน ธาตุลม หรือ วาโยธาตุ มีกำลังเท่ากับ ๗ ใช้ด้านการล่องหน กำบังตน
“ยะ” หมายถึง พระศรีอารยเมตไตรย (พระพุทธเจ้าองค์ถัดไป หลัง พ.ศ.๕๐๐๐) ใช้เขียนแทน อากาศธาตุ มีกำลังเท่ากับ ๑๐ เมื่อรวมกำลังธาตุทั้ง ๕ ก็จะเป็นคุณพระพุทธเจ้า ๕๖
สรุป
ไม่เชื่อออย่าลบหลู่ คงจะคุ้นชินกันสำหรับประโยคนี้ มักจะใช้กับสิ่งที่มองไม่เห็นหรืออะไรห็แล้วแต่ที่จะทำให้ชีวิตเราเกิดอันตราย ตามความเชื่อการสวดมนต์คาถาที่ศักดิ์สิทธิ์จะช่วงให้รอดจากอันตรายเหมือนปฏิหารย์กับปัญหาที่ไม่สามารถแก้ได้ด้วยตัวเอง
ก็ต้องขอบอกว่าเป็นความเชื่อส่วนบุคคล อย่างน้อยการสวดมนต์ก็อาจจะช่วยให้จิตใจเราได้ผ่อนคลายหรือหายจากความเครียดจากปัญหาเหล่านั้นได้บ้างไม่มากก็น้อย