เบื่อๆ อยู่กับบ้านตลอดช่วงวันหยุด ลองออกมาเที่ยวเปิดหูเปิดตากันที่ วัดหอมเกร็ด กันค่ะ! สำหรับหลายคนที่ กำลังวางแพลนหาสถานที่ท่องเที่ยวใกล้กรุงเทพฯ อยู่ แอดมินขอแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวสำหรับสายมูให้กับทุกท่าน ก็คือ จังหวัดนครปฐม นั่นเอง ตัวจังหวัดตั้งอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ เพียง 56 กิโลเมตร เป็นจังหวัดที่เต็มไปด้วยวัดวาอารามที่สวยงาม โดยเฉพาะ องค์ปฐมเจดีย์ ที่เป็นเอกลักษณ์อย่างมาก เป็นหนึ่งในเส้นทางการขนส่งที่สำคัญอย่าง แม่น้ำท่าจีน
ส่วนใครที่อยากเที่ยววัด ก็ต้องอย่าพลาดมาที่ วัดหอมเกร็ด สามารถนั่งเรือท่องเที่ยวแม่น้ำท่าจีน จากท่าเรือวัดดอนหวายไปวังมัจฉาที่หน้าวัดหอมเกร็ดได้ อีกทั้งยังได้ชมวิวข้างทางของแม่น้ำจีนด้วย ใครมาที่นี่ก็ไม่ต้องกลัวผิดหวัง แม้ว่าจะเป็นวัดเล็ก แต่มีดีอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว พร้อมพบกับ พระเกจิชื่อดังประจำวัดอย่าง หลวงพ่อเพ้ง เทพเจ้าแห่งราบลุ่มแม่น้ำจีน
ประวัติ วัดหอมเกร็ด
วัดหอมเกร็ด ตั้งอยู่เลขที่ 70 หมู่ 4 ตำบลหอมเกร็ด อำเภอ สามพราน จังหวัดนครปฐม บริเวณวัดอยู่ริมแม่น้ำท่าจีน และถนนพุทธมณฑลสาย 7 ประกาศตั้งวัด เมื่อวันที่ 5 มกราคม พ.ศ.2425 และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ.2514
ในปี พ.ศ. 2458 อำเภอตลาดใหม่ ในอดีตได้ตั้งที่ทำการอำเภออยู่ที่ตำบลตลาดใหม่ อีก 2 ปีต่อมา ทางราชการได้มีการประกาศให้เรียกชื่ออำเภอตามชื่อของตำบลที่ตั้ง ดังนั้นอำเภอตลาดใหม่จึงได้เปลี่ยนชื่อเป็น “อำเภอสามพราน” ตามประกาศราชกิจจานุเบกษา ลงวันที่ 24 เมษายน พ.ศ.2460
คำว่า “หอมเกร็ด” ในอดีตถือเป็นชื่อของวัดและชุมชนแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ริมแม่น้ำนครชัยศรี ในสมัยรัชกาลที่ 5 มณฑลนครใชยศรี ประกอบด้วยเมืองสุพรรณบุรี เมืองนครไชยศรี และเมืองสมุทรสาคร
ในสมัยรัชกาลที่ 6 เมืองนครไชยศรีมี 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง , อำเภอตลาดใหม่ , อำเภอนครไชยศรี , อำเภอบางปลา และอำเภอกำแพงแสน
เจดีย์มอญปัจจุบันได้ถูกบูรณะใหม่โดยการสร้างพระเจดีย์ทรงพระปฐมเจดีย์ขนาดย่อครอบไว้ โดยยังคงตำแหน่งเดิมไว้ไม่ได้ขยับย้ายที่ตั้ง
มาเที่ยวชมวันหอมเกร็ดกันเถอะ!
สำหรับใครที่มีแพลนจะมาเที่ยวที่ วัดหอมเกร็ด หรือจังหวัดนครปฐม แอดมินขอแนะนำสำหรับสายชิวหรือต้องการพักผ่อนให้ลองนั่งเรือท่องเที่ยวแม่น้ำท่าจีนจากท่าเรือวัดดอนหวายมายังวังมัจฉาที่หน้าวัดหอมเกร็ดได้ เพราะคุณจะได้ชมวิวข้างทางของแม่น้ำจีนไปด้วย เรียกว่าบรรยากาศดีสุดๆ ไปเลย
เมื่อมาถึงหน้าวัด หลายคนอาจจะสังเกตเห็นว่ามีแพและเรือมากมายจอดอยู่ นั่นก็เพราะว่าชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณข้างแม่น้ำท่าจีนนิยมใช้เรือแพในการเดินทางไปไหนมาไหนบริเวณใกล้ๆ รวมถึงการมาจ่ายตลาดที่วัดด้วย นอกจากนี้บริเวณดังกล่าวยังเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจสำหรับญาติโยมทั้งหลายที่มาวัดด้วย ท่านทั้งหลายสามารถนั่งเล่นและให้อาหารปลาหน้าวัด
บริเวณคลองหน้าวัดได้ชื่อว่าเป็น วังมัจฉา(วังปลา) เนื่องจากมีปลาอาศัยอยู่มากมาย ทางวัดเองก็ไม่ได้สร้างกระชังขังปลาไว้ ปล่อยปลาให้อยู่อย่างธรรมชาติ ปลาที่อาศัยอยู่หน้าวัดก็มีหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น ปลาสวาย ปลาเทโพ ปลาช่อน ปลาดุก ปลาแรด ปลาจาระเม็ดน้ำจืด ปลาเทโพเผือก
ศาลาท่าน้ำหน้าวัด ได้รับการบูรณะใหม่จากของเดิมสมัยก่อนที่เป็นศาลาไม้ โดยปัจจุบันได้ถูกเปลี่ยนเป็นศาลาทรงไทยสวยงาม และได้ทำการสร้างไว้จำนวนหลายหลังตลอดแนวหน้าวัด เพื่อไว้ให้เป็นสถานที่พักร้อนแก่คนที่มาทำกิจกรรมที่วัด
ศาลาการเปรียญ ยกสูงเป็นที่ปฏิบัติธรรมและสวดมนต์ของผู้ปฏิบัติทุกวันอาทิตย์และทำบุญในวันสำคัญต่าง ๆ ตลอดปี
อาคารเก็บของ พัสดุเครื่องครัวเครื่องใช้ภายในวัด มีพระเจ้าหน้าที่คอยบริการญาติโยมทุกวันไม่มีวันหยุดราชการ
ศาลาสาธารณะประโยชน์เอนกประสงค์ เป็นศาลาทรงไทยประยุกต์ที่ไม่มีเสากลาง สร้างขึ้นเพื่อไว้ใช้จัดกิจกรรมในการอบรม, สถานที่กินเลี้ยง ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากมากเนื่องจากมีบริเวณลานที่กว้างสะดวกในการจอดรถ แสงไฟสว่างทั่ว อากาศถ่ายเทไม่ร้อนอบอ้าว
ซุ้มประตูทางเข้าจากถนนพุทธมณฑล สาย 7 เป็นที่สังเกตุเห็นชัดเจน มีความสวยงามมาก จากซุ้มประตูเดินทางเข้าไปเพียงไม่กี่ร้อยเมตรก็ถึงวัดที่ตั้งอยู่ริมฝั่ง แม่น้ำท่าจีน
ซุ้มประตูมณฑป เป็นที่ประดิษฐานรูปหล่อเหมือนอดีตเจ้าอาวาสที่สร้างความเจริญรุ่งเรืองให้แก่วัดและสร้างชื่อเสียงให้แก่วัดด้วย ได้แก่ หลวงปู่รุ่ง และ หลวงปู่ห้อย เป็นที่เคารพและสักการะของชาวบ้าน นิยมมาขอลาภจากหลวงปู่กันทุกวัน
หอฉัน เป็นศาลายกสูง เพื่อข้างล่างของใต้ศาลาจะได้ใช้ประโยชน์ต่างๆ ตามลักษณะของบ้านไทยที่มองเห็นประโยชน์ในการใช้งานของบ้านเรือนอย่างชาญฉลาดของภูมิปัญญาคนไทย ศาลาเป็นแบบประยุกต์ระหว่างความเป็นสมัยใหม่กับความเป็นไทยโบราณ
กุฏิของอดีตเจ้าอาวาสสมัยหลวงปู่ห้อย เป็นสถาปัตยกรรมร่วมยุคสมัยรัชกาลที่ 5 ขณะนั้นได้รับความนิยมมาก
พระอุโบสถมีหลวงพ่อโต เป็นพระประธานชาวบ้านนิยมมาขอพรจากหลวงพ่อและมาแก้บนกับหลวงพ่อด้วยขนุนหาบและประทัด
หอระฆังทรงไทย ด้านบนมีไว้ตีระฆังทำวัตรตอนตี 4 ส่วนด้านล่างไว้ตีกลองย่ำค่ำ ซึ่งจะตีกันทุกวันในช่วงฤดูกาลเข้าพรรษา ส่วนนอกฤดูกาลเข้าพรรษาคงยังตีระฆังทำวัตรเช้าและเย็นอย่างเดียว
กุฎิเจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน เป็นกุฎิประยุกต์ทรงไทยไว้เป็นที่ต้อนรับญาติโยมที่เข้ามากราบ เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตน
สรุป
หลังจากที่ แอดมินได้ทำการนำเสนอสถานที่เที่ยวสำหรับวันหยุดนี้ให้กับทุกท่านแล้ว รู้สึกอย่างไรกันบ้างคะ? สนใจกันไหม? แต่สำหรับแอดมินแล้ว แอดมินว่าแอดต้องไปโดนที่วัดแห่งนี้สักวันแล้วล่ะ เพราะนอกจากจะมีบรรยากาศที่สงบชวนพักผ่อนอย่างการล่องเรือแม่น้ำท่าจีนแล้ว ยังได้มีโอกาสไปไหว้สักการะวัดเก่าแก่อย่าง วัดหอมเกร็ด ด้วย เรียกได้ว่าเป็นอะไรที่น่าสนใจเอามากๆ เลย เพื่อนพี่น้องคนไหนสนใจก็อย่าลืมเข้าไปไหว้สักการะกันที่ วัดหอมเกร็ด จังหวัดนครปฐม กันเยอะๆ นะคะ ที่สำคัญ! ที่นี่เขายังมีพระเกจิชื่อดังอย่าง หลวงพ่อเพ้ง เจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน และอดีตเจ้าอาวาสชื่อดังอย่าง หลวงพ่อห้อย ด้วย เรียกว่าพลาดไม่ได้กันจริงๆ ค่ะ
ก่อนจากกันใครที่อยากอ่านบทความดีๆ เด็ดๆ ทั้งเรื่องความเชื่อ แรงศรัทธา ทำนายฝัน ดูดวง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ สูตรหวย สถิติหวย เลขเด็ด เราได้ทำการรวบรวม เรื่องดี เรื่องดัง เรื่องน่าสนใจ มาให้ทุกท่านไว้แล้วที่นี่ที่เดียว ไม่ต้องเสียเวลาหาเยอะแยะมากมาย มาพบกับพวกเราได้ในทุกวันที่ Ruay ค่ะ