หากพุดถึงฝั่งธน ทุกคนก็คงทราบกันดีว่าก่อนหน้านี้เคยเป็นเมืองหลวง เมื่อครั้งสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ก่อนที่จะมาเป็นกรุงรัตนโกสินทร์ หากต้องการชมความสวยงามของวัดเก่าแก่ต้นกรุงรัตนโกสินทร์ในกรุงเทพฯ ที่มีศิลปะไทยจีนผสมผสานลงตัวอย่างสวยงามแล้ว วัดหนึ่งที่ไม่ควรพลาดคือ วัดราชโอรสาราม หรือจะเรียกสั้น ๆ กันว่า วัดราชโอรส เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก และยังเป็นวัดประจำรัชกาลที่ 3 อีกด้วย
ที่วัดแห่งนี้สายมูไม่ควรพลาด เพราะว่าสามารถ ขอพร อยากสอบติดข้าราชการ หรือหวังประสบผลสำเร็จได้ถึง 3 สิ่งด้วยกัน ถือว่าคุ้มครบจบในที่เดียว แถมยังอยู่ไม่ไกลเดินทางไปได้สะดวกสบาย วันนี้ Ruay 365 จะพาไปทำความรู้จักประวัติความเป็นมา ว่าทำไมวัดแห่งหนึ่งถึงให้สิทธิพิเศาในการขอพรขอโชคลาภได้ถึง 3 ข้อ และเหตุไฉน ถึงเป็นวัดประจำรัชกาลของรัชกาลที่ 3 ได้ ถ้าพร้อมแล้วไปติดตามกันได้เลย
สารบัญ
Toggleประวัติวัดราชโอรสาราม
วัดแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุทธยา โดยมีชื่อเดิมว่า วัดจอมทอง ครั้งในรัชสมัยของรัชกาลที่ 2 พระพุทธเลิศหล้านภาลัย ต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ในขณะนั้นในหลวงรัชกาลที่ 3 พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ยังดำรงเป็นพระเจ้าลูกยาเธอกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ ได้ทรงเป็นแม่ทัพไปสกัดพม่าที่กาญจนบุรีโดยเคลื่อนพลไปทางเรือ
เมื่อเสด็จมาถึงคลองบางกอกใหญ่ และคลองด่าน ได้หยุดประทับแรมที่วัดจอมทอง ท่านเจ้าอาวาสวัดได้ถวายคำพยากรณ์แก่พระองค์ว่า “กิจของพระองค์จะประสบความสำเร็จและจะเสด็จกลับมาโดยสวัสดิภาพ” พระองค์จึงกล่าวว่า หากจริงดังที่ว่าจะกลับมาสร้างวัดถวายให้ใหม่
คำพยากรณ์เป็นจริงตามที่ท่านเจ้าอาวาสได้พยากรณ์เอาไว้ ในหลวงรัชกาลที่ 3 พระองค์จึงกลับมาโปรดเกล้าฯให้ปฏิสังขรณ์วัดนี้ขึ้นใหม่ทั้งวัดตามที่ตรัสไว้ เมื่อสำเร็จเรียบร้อยพระองค์ท่านได้ถวายเป็นพระอารามหลวงแด่พระราชบิดา ในหลวงรัชกาลที่ 2 จึงได้โปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อวัดใหม่ว่า “วัดราชโอรส”
ความกลมกลืนของศิลปะไทย-จีน
ที่วัดราชโอรสารามแห่งนี้ ถือได้ว่าเป็นวัดไทยต้นแบบของการผสมผสานระหว่างศิลปะไทย-จีน เนื่องด้วยในรัชสมัยนั้นเป็นยุคสมัยที่ว่างเว้นจากสงครามกับประเทศเพื่อนบ้าน การค้าขายกับชาวจีนจึงเฟื่องฟู จนภาวะเศรษฐกิจดีขึ้น ในหลวงรัชกาลที่ 3 จึงทรงนำเอาศิลปะจีนมาประยุกต์ให้เข้ากับวัดไทย โดยพระอุโบสถและพระวิหารต่างๆ จะไม่มีช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ อีกทั้งยังมีการนำเอาแผนผังตาม หลักฮวงจุ้ย มาใช้เป็นครั้งแรกที่วัดแห่งนี้อีกด้วย การประดับประดาวัดนั้นจึงใช้กระเบื้องเคลือบลวดลายดอกไม้ หรือสัตว์ต่าง ๆ ตามสถาปัตยกรรมของจีนมาตกแต่ง ซึ่งถือได้ว่าเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของที่วัดเลยทีเดียว
ความสวยงามของ วัดราชโอรสาราม เป็นที่เลื่องลือกันมากถึงขนาดที่ สุนทรภู่ กวีเอกของไทย ได้แต่งบรรยายถึงความงดงามของวัดแห่งนี้ได้อย่างน่าฟังมากๆ ใน นิราศเมืองเพชร ว่า
“ถึงบางหว้าอารามนามจอมทอง ดูเรืองรองรุ่งโรจน์ที่โบสถ์ราม
สาธุสะพระองค์มาทรงสร้าง เป็นเยี่ยงอย่างไว้ในภาษาสยาม
ในพระโกศโปรดปรานประทานนาม โอรสราชอารามนามเจริญ
มีเขื่อนรอบขอบคูดูพิลึก กุฏิตึกเก๋งกุฏิสุดสรรเสริญ
ที่ริมน้ำทำศาลาไว้น่าเพลิน จนเรือเดินมาถึงทางบางขุนเทียน”
ฉะนั้นหากเห็นวัดที่มีกลิ่นอาย การผสมผสานของศิลปะจีนกับไทยอยู่ด้วยนั้น ก็ให้เชื่อได้เลยว่าต้องเป็นวัดที่เกี่ยวข้องกับในหลวงรัชกาลที่ 3 อย่างแน่นอน อย่างเช่นหลาย ๆ วัดที่อยู่ในกรุงเทพ เช่น วัดกัลยาณนิมิตร วัดเทพธิดาราม วัดพิชัยญาติ เป็นต้น
จุดสำคัญภายในพระอาราม
จุดสำคัญที่แนะนำให้ไปเช็คอินห้ามพลาดภายในวัดอารามหลวงแห่งนี้ ที่พลาดไม่ด้คือชมความสวยงามการประยุกต์ศิลปกรรมได้อย่างประณีต และงดงามอันได้แก่
พระอุโบสถ
มีสถาปัตยกรรมที่เป็นศิลปกรรมที่ผสานกันระหว่าไทย และจีน โดยที่พระอุโบสถแห่งนี้จะไม่มีช่อฟ้าใบระกา เหมือนกับวัดไทยโดยทั่วไป แต่จะใช้กระเบื้องเคลือบสีต่าง ๆ ในการตกแต่งอย่างสวยงาม รวมไปถึงของตกแต่งรูปสัตว์มงคลของจีนต่าง ๆ มี มังกร หงส์ และนกยูง
ผนังภายในพระอุโบสถตกแต่งด้วยจิตรกรรมฝาผนังผสมผสานไทยจีนด้วยเช่นกัน โดยจิตรกรรมฝาผนังส่วนใหญ่เป็นลายเครื่องตั้งเครื่องมงคลของจีน บางช่วงก็จะเป็นการให้พรจาก ฮก ลก ซิ่ว ซึ่งจะแตกต่างกับวัดไทยอื่น ๆ ที่จะนิยมเขียนเป็นพุทธประวัติ หรือทศชาติชาดกบ้าง ซึ่งลวดลายจิตกรรมฝาผนังที่มีเรื่องราวของจีนมาผสมนี้ ถือได้ว่าเป็นครั้งแรกที่เกิดขึ้นในประเทศไทยก็ว่าได้
พระพุทธอนันตคุณอดุลญาณบพิตร
พระประธานในพระอุโบสถ เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิที่ สมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญพระสรีรังคาร ของพระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรมหาเจษฎาบดินทร์ พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ประดิษฐานไว้ที่ฐานพระพุทธรูป เนื่องด้วยรัชกาลที่ 3 ท่านเคยได้รับสั่งเอาไว้ว่า “เมื่อฉันตายฉันจะมาอยู่ที่นี่” นอกจากนี้ยังเป็นที่กล่าวกันด้วยว่า พระพุทธรูปองค์นี้เป็นพระพุทธรูปที่สร้างได้งดงามกว่า พระพุทธรูปองค์อื่นที่สร้างในสมัยเดียวกัน
พระแท่นที่ประทับใต้ต้นพิกุล
ในเมื่อครั้งที่รัชกาลที่ 3 ได้ทรงพระอิสริยยศเป็นหมื่นเจษฎาบดินทร์ ได้เสด็จมาคุมงานก่อสร้าง และระหว่างนั้นได้มาประทับนั่งที่พระแท่นใต้ต้นพิกุลใหญ่ ที่อยู่ด้านหน้าทางด้านซ้ายของพระอุโบสถ อีกทั้งพระองค์เคยรับสั่งไว้ว่า “ถ้าฉันตายจะมาอยู่ที่ใต้ต้นพิกุลนี้ ” ด้วยพระราชดำรัสนี้ เมื่อในหลวงรัชกาลต่าง ๆ รวมถึงพระบรมวงศานุวงศ์ที่เสด็จมาที่พระอารามแห่งนี้ จะมาทรงถวายสักการะที่พระแท่นนี้จนกลายเป็นประเพณีที่ปฏิบัติสืบเนื่องต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน
พระวิหารพระพุทธไสยาสน์
ตั้งอยู่ทางด้านหลังของพระอุโบสถ มีกำแพงแก้วล้อมรอบโดยเฉพาะอีกหนึ่งชั้น เป็นวิหารขนาดใหญ่ภายในประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ปูนปั้นขนาดยาว ๒๐ เมตร ประดับด้วยศิลปกรรมของไทยจีน แจกันดอกเบญจมาศและพานผลไม้ ที่เพดานมีลวดลายจิตรกรรมที่งดงาม ผู้คนที่มาขอพรนิยมที่จะมา สวดมนต์ อธิษฐานจิตที่นี่มากมาย
ความเชื่อเรื่องขอพร ดัง รวย รัก ที่ วัดราชโอรสาราม
กล่าวกันไว้ว่าหากมาถึง วัดราชโอรสาราม แล้วจะพลาดการขอพรคงไม่ใช่สายมูตัวจริง เพราะมีความเชื่อกันว่าเมื่อมาตั้งจิตอธิษฐานขอพร ณ ที่วัดแห่งนี้ สามารถประสบผลสำเร็จสามอย่างด้วยกัน คือ รวย ดัง รัก จนทำให้คนนิยมเข้ามาสักการะขอพร เพราะมาที่นี่ที่เดียวสามารถขอพรให้ประสบผลสำเร็จได้ถึง 3 เรื่อง
ซึ่งความเชื่อในเรื่องนี้ มีเรื่องเล่ากันว่า มีตระกูลดังตระกูลหนึ่งที่เดิมทีพักอาศัยอยู่ใกล้กับวัดแห่งนี้ โดยระหว่างที่พำนัก หรือแม้กระทั่งย้ายออกไปแล้ว คนในตระกูลนี้ก็ยังวนเวียนมาทำนุบำรุงบูรณะวัดอยู่เป็นประจำ เพราะเชื่อว่าช่วยให้การทำธุรกิจต่าง ๆ ราบเรียบจนเป็นที่รู้จัก เมื่อผู้คนทราบความจึงนิยมมาสักการะกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่นี่ด้วย เพื่อที่หวังว่าจะมีฐานะร่ำรวยเหมือนกับตระกูลนี้ ซึ่งตระกุลดังที่ว่านี้ก็คือ ตระกูลจิราธิวัฒน์ เจ้าของห้างสรรพสินค้าชื่อดังหลายแห่งในเครือเซ็นทรัลนั่นเอง
ขอพร พระสิทธาตุ ขอให้โด่งดังเป็นที่รู้จัก ดังสมใจหมาย
สำหรับการมาขอพรเรื่องความมีชื่อเสียง ให้โด่งดังเป็นที่รู้จัก ต้องมาสักการะพระสิทธาตุ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปเก่าแก่ของวัดมีมาแต่ดั้งเดิมตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุทธยา และได้ตระกูลจิราธิวัฒน์ มาบูรณะบริเวณวิหาร พระสิทธาตุ อยู่เป็นประจำ ซึ่งพระสิทธาตุ สื่อได้ถึงความสำเร็จ และมีชื่อเสียงโด่งดัง
ขอพร พระพุทธไสยาสน์ ขอให้ร่ำ ขอให้รวย
หลวงพ่อพระนอน เป็นพระประธานในวิหารพระพุทธไสยาสน์ ที่วิหารแห่งนี้เป็นที่เลื่องลืออย่างมากในการขอพรให้สำเร็จแบบเกินความคาดหมาย เนื่องจากมีความเชื่อกันว่าเชื่อมโยงกับยอดพระเกตุของพระประธาน หลวงพ่อพระนอน ที่ทิ่มทะลุเข้าไปในเสาของตัววิหาร
จึงทำให้หลาย ๆ คนที่มากราบไหว้ นิยมของพรให้ได้โชคในเรื่องของการค้าขาย ความร่ำรวย เหมือนกับพระเกตุที่แทงทะลุเข้าไปในเสาวิหารนั่นเอง ซึ่งหากใครที่ขอพรแล้วประสบผลสำเร็จ ก็มักจะนำหมอนมาถวายองค์ท่านเพื่อเป็นการต่อยอดความสำเร็จ รวมไปถึงมาสวดมนต์อธิษฐานจิตที่วิหารแห่งนี้ด้วยเช่นกัน
เรื่องรักจะประสบผลสำเร็จ หากขอพรจาก พระพุทธอนันตคุณอดุลญาณบพิตร
ไหว้พระประธานที่พระอุโบสถ พระพุทธอนันตคุณอดุลญาณบพิตร เสริมเรื่องความรัก หลังจากกราบสักการะพระประธานแล้ว ให้นำแผ่นทองเขียนชื่อ-นามสกุล วันเดือนปีเกิด ถวายดวงชะตาของเราเป็นพุทธบูชา จากนั้นอธิษฐานจิตเจริญพระพุทธมนต์ สวดมนต์บูชาพระรัตนตรัย หรือตั้งนะโม 3 จบ ตั้งจิตให้แน่วแน่แล้วกล่าวคำอธิษฐานว่า
“ขอให้ข้าพเจ้าจงเป็นที่รัก ที่เมตตาแก่สรรพสัตว์ทั้งปวง”
เท่านี้ก็เห็นผลสัมฤทธิ์ในเรื่องของความรักเป็นจริงอย่างแน่นอน สำหรับแผ่นทองให้นำไปวางไว้ที่เก๊งด้านหลังของพระอุโบสถที่ทางวัดจัดไว้ให้ เมื่อแผ่นทองมีมากพอทางวัดจะนำไปหล่อพระพุทธรูปเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ผู้ที่มากราบไหว้ต่อไป
เป็น 3 เทพเจ้าของจีน ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แทนความเป็นมงคล 3 ประการของจีน แห่งการอวยพร ปัจจุบันนิยมสร้างเป็นเทวรูปประดับตั้งวางอยู่ภายในบ้าน โดยเทพฮก คือเทพองค์ที่อุ้มเด็ก เทพฮก คือเทพองค์กลางที่เป็นขุนนาง และซิ่ว เป็นเทพที่ถือลูกท้อ แต่ยืนอยู่องค์แรกสุด
เป็นชื่อเรียกอย่างเป็นทางการของพระพุทธรูปปางนอน โดยพระพุทธไสยาสน์ จะถูกสร้างในอริยบทที่เหมือนกับการนอน มีด้วยกัน 9 รูปแบบคือ
ปางทรงพระสุบิน, ปางทรงพักผ่อนปรกติ, ปางโปรดอสุรินทราหู, ปางทรงพยากรณ์พระอานนท์, ปางโปรดพระสุภัททะ, ปางปัจฉิมโอวาท, ปางเสด็จดับขันธปรินิพพาน (ปางที่ 1), ปางเสด็จดับขันธปรินิพพาน (ปางที่ 2) และ ปางเสด็จดับขันธปรินิพพาน (ปางที่ 3)
ซึ่งพระพุทธไสยาสน์ที่สวยงามและมีชื่อเสียงระดับโลกและเป็นแลนด์มาร์คสำคัญของประเทศไทยคือ พระพุทธไสยาสน์ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร หรือเรียกกันว่า พระนอนวัดโพธิ์
การเดินทาง
สำหรับการเดินทางไปยังวัดราชโอรสาราม เพื่อสักการะขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัด สามารถเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว และรถโดยสารประจำทาง ซึ่งรถประจำทางที่ผ่านวัดราชโอรสาราม ได้แก่ สาย 43, 120 และรถประจำทางปรับอากาศ สาย ปอ.พ. 9 เป็นต้น
ขอบคุณภาพบางส่วนจาก : เมืองไทยไดอารี่ by Supawan , MGR Online
สรุป
วัดราชโอรสาราม เป็นวัดที่เกิดขึ้นในรัชสมัยของรัชกาลที่ 3 โดยเป็นวัดแห่งแรกในไทยที่มีการผสานศิลปะของไทยและจีนในการส้รางวัด ซึ่งนอกจากจะมีจดเด่นอยู่ที่ หลวงพ่อพระนอน พระสิทธาตุ พระพุทธอนันตคุณอดุลญาณบพิตร ที่ให้พรในเรื่องความร่ำรวย ความรัก และรวมโด่งดังแล้ว ยังมีจุดที่สวยงามให้เราได้ไปเยี่ยมชมอีกมากมาย เช่น ศาลาริมน้ำ เหมาะกับการนั่งพักผ่อนหลังจากที่เดินชมพระอารามมาทั้งวัน
ทั้งยังเป็นจุดที่ทำทานให้อาหารปลา สามารถมานั่งรับลมชิล ๆ ริมน้ำ อีกทั้งศาลาที่นั่งพักยังเป็นศิลปะที่สวยงามดูแปลกตาด้วยการผสมศิลปกรรมของจีนเข้าไป ถือได้ว่าที่วัดอารามหลวงแห่งนี้เป็นวัดที่มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นและสวยงาม แถมยังคงความน่าเคารพศรัทธาแห่งพระพุทธศาสนา ท่านใดผ่านไปแถวฝั่งธนก็ไม่ควรพลาดที่จะแวะไปกราบขอพรที่เขาว่าศักดิ์สิทธิ์นักแลเรื่อง ดัง รวย รัก เป็นได้สัมฤทธิ์ผลตามที่ขอทุกรายไป
บทความที่น่าสนใจ
- วัดบ้านเด่น วัดดังที่แม่แตง กับเอกลักษณ์ศิลปะล้านนาประยุกต์ มาเชียงใหม่ห้ามพลาด!
- ไหว้พระ อุบลราชธานี 5 วัดดัง! ขอโชคลาภเสริมดวงให้ปัง ต้อนรับสงกรานต์ 2564
- เที่ยว วัดถ้ำเสือ พิชิตบันได 1,237 ขั้น ชมวิวมุมสูง จังหวัดกระบี่
- วัดแสนสุข เมืองสวรรค์ แดนนรก วัดสวยใกล้หาดบางแสน ชลบุรี
- เปิดวาร์ปวัดดัง โลเคชั่นสวย ณ วัดร่องขุ่น จังหวัดเชียงราย