เมืองลับแล

เมืองลับแล มีจริงไหม เปิดตำนานแม่ตะเคียนพาทัวร์เมืองลับแล

ขนลุกกันทั่วไทยหลังจากมีข่าวดัง หนุ่มศรีราชาโทรหาหน่วยกู้ภัยแล้วแจ้งว่าตนหลงอยู่ใน เมืองลับแล ต้องการให้เจ้าหน้าที่มาช่วย โดยเขาได้เล่าให้ฟังว่าเขาได้นั่งกินเหล้าอยู่กับ น.ส.ปัทมา ที่เป็นพี่สาวแม่ตะเคียน หลังจากนั้นเขาก็ถูกพาไปเมืองต่างมิติอีกโลกหนึ่ง ที่ซึ่งมีแต่บ้านเรือนไทยเก่า ๆ ดูน่ากลัว เมื่อตั้งสติได้หนุ่มศรีราชาจึงรีบโทรหา 1669 ให้ส่งคนมาช่วย ก่อนที่จะเห็นเจ้าหน้าที่ที่หน้าศาล จึงรีบเดินตามออกมาได้อย่างปลอดภัย

จากข่าวลึกลับดังกล่าวนี้ ใครหลายคนอาจคิดว่า “นายราเชนทร์” วัย 38 ปีคนนี้อาจจะเมาขาดสติจึงสร้างเรื่องทั้งหมดขึ้น และยังเผลอทำลายรูปปั้นกุมารและนางรำที่ศาล แม่ตะเคียน อีกด้วย แต่ความจริงที่น่าขนลุกอีกด้านหนึ่งก็อาจจะเป็นความจริงก็ได้เช่นกัน เพราะทราบมั้ยว่าเคยเกิดเหตุคนหายตัวไปในเมืองลับแลจังหวัดชลบุรีมาแล้วครั้งหนึ่ง จนพบว่ากลายเป็นศพเป็นข่าวดังทั่วไทยด้วย

นายราเชนทร์หลงเมืองลับแล

เมืองลับแล คืออะไร

คำว่า “เมืองลับแล” มีอยู่ด้วยกัน 3 ความหมายใหญ่ ๆ โดยคนไทยจะเข้าใจกันว่า…

  • เมืองลับแล เป็นเมืองเร้นลับที่ตั้งอยู่ในภูมิประเทศที่ลึกลับซับซ้อน มักซ่อนอยู่ในป่าลึกหรือในหุบเขา โดยเป็นเมืองที่สามารถพบเจอได้ยาก ถ้าหากตั้งใจไปจะไม่พบ แต่ถ้าไม่ตั้งใจไปมักจะหลงเข้าไปโดยบังเอิญ
  • เมืองลับแลเป็นชื่ออำเภอหนึ่งของจังหวัดอุตรดิตถ์ ในอดีตเป็นชุมชนโบราณของชาวเมืองแพร่-เมืองน่าน ที่มีผู้คนอาศัยอยู่ตามป่าเขา ถ้าใครไม่รู้จักเส้นทางดีก็มักจะหลงทางได้ง่าย
  • เมืองลับแลเป็นอีกชื่อหนึ่งของ “เมืองแม่ม่าย” ในตำนานเมืองลับแลของจังหวัดอุตรดิตถ์ ซึ่งเชื่อว่าในเมืองนั้นล้วนมีแต่แม่ม่ายอาศัยอยู่ 

ดังนั้นถ้าพูดถึง ตำนานเมืองลับแล ส่วนใหญ่เราจึงหมายถึง “ตำนานเมืองแม่ม่าย” จังหวัดอุตรดิตถ์ ที่ซึ่งมีเรื่องเล่าขานสืบทอดกันมาจนถึงปัจจุบันดังนี้…

ตำนานเมืองลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์

ผู้หญิงในเมืองลับแล

ถ้ากล่าวถึงเมืองลับแล หรือ “เมืองแม่ม่าย” ลูกหลานชาวอุตรดิตถ์คงเคยได้ยินกันมาแล้ว เพราะเรื่องเล่านี้เป็นนิทานพื้นบ้านที่ถูกเล่าสืบต่อกันมา โดยตำนานมีอยู่ว่า ในจังหวัดอุตรดิตถ์มีเมืองลึกลับแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ในหุบเขาลึกท่ามกลางป่ารกร้าง ในเมืองแห่งนี้จะมีแต่ชาวเมืองที่เป็นผู้หญิงม่ายอาศัยอยู่ ทุกคนเป็นพลเมืองดี ยึดมั่นในศีลธรรมและวาจาสัตย์

กระทั่งมีชายคนหนึ่งหลงเข้าไปในเมืองลับแล ชายผู้นี้ได้ตกหลุมรักกับหญิงสาวในเมือง และเธอก็ได้พาแฟนหนุ่มไปอยู่ด้วย โดยมีข้อแม้อย่างหนึ่งคือ “ห้ามพูดโกหกเด็ดขาด” ชายหนุ่มก็ได้รับปากจนทั้งสองอยู่กินกันจนมีลูก และวันหนึ่งก็เกิดเรื่องขึ้น เมื่อหญิงสาวได้ออกไปเก็บฟืนทิ้งลูกน้อยไว้ให้อยู่กับชายหนุ่ม ลูกน้อยได้เกิดหิวนมจึงร้องไห้เสียงดัง

ชายหนุ่มจึงเผลอพูดปลดกับลูกว่า “แม่กลับมาแล้ว” เด็กน้อยจึงหยุดร้องไห้ แต่เมื่อหญิงสาวได้รู้ความจริงว่าสามีพูดปลด เธอจึงโกรธมากและจำต้องไล่ชายหนุ่มให้ออกจากเมืองลับแลไป หลังจากนั้นเองสามีคนอื่น ๆ ก็พากันพูดปลดและทยอยออกไปจากเมืองทีละคน

ทั้งนี้ก่อนที่ชายหนุ่มจะออกไปจากเมืองลับแล หญิงสาวก็ได้นำขมิ้นสีเหลืองทองใส่กระเป๋าไปให้ด้วยความรัก แต่ระหว่างเดินกลับชายหนุ่มรู้สึกหนักก็เลยโยนขมิ้นทิ้งไปตามทาง และเมื่อเขากลับมาถึงบ้านปรากฏว่าขมิ้นนั้นกลายเป็นทองคำ ชายหนุ่มจึงรีบวิ่งกลับไปเพื่อหาทองแต่ก็ไม่พบขมิ้นเหล่านั้นแล้ว

ผีแม่กองกอย เมืองลับแล

ผีแม่กองกอย

นอกจากตำนานดังกล่าวแล้ว ก็ยังมีเรื่องเล่าที่คล้ายกันในหลากหลายมุม หนึ่งในนั้นผู้เฒ่าผู้แก่ชาวเมืองลับแลเล่าให้ฟังว่า ในอดีตเคยมีเมืองลับแลแห่งหนึ่งตั้งอยู่ในป่าลึกดิบชื้น ที่รายล้อมไปด้วยสัตว์ป่านานาพันธ์ุ ในเมืองแห่งนี้พรานป่าผู้ที่มีคาถาอาคม และเข้าไปล่าสัตว์มักจะหลุดเข้าไป พวกที่รอดออกมาก็มักจะเล่าให้ฟังว่า ในเมืองแห่งนั้นเป็น “เมืองผีกินคน” ที่มีแต่ผีป่า “ผีแม่ม่าย” หรือ “ผีแม่กองกอย” ที่แปลงกายเป็นหญิงสาวมายั่วยวนพรานป่าให้หลงเสน่ห์

ผีหญิงสาวจะหลอกล่อให้พรานป่าเกี้ยวพาราสีด้วย แต่เมื่อพระอาทิตย์ตกดิน พวกเธอก็จะกลายร่างเป็น ผีแม่กองกอย ไล่จับพรานป่ากินเป็นอาหาร และครั้งหนึ่งก็เคยมีพรานหนุ่ม 3 คนจากเมืองกัมโภช (ทุ่งยั้ง) หลงเข้าไปในเมืองลับแล พรานสองคนถูกผีแม่กองกอยจับกิน ส่วนอีกคนหนึ่งรอดได้เพราะว่าผีแม่กองกอยตกหลุมรัก จึงพาไปซ่อนในถ้ำและคอยเอาหินปิดเอาไว้ในยามที่เธอออกหากิน พรานหนุ่มจึงรอดชีวิตมาได้หลายปีจนมีลูกสาวด้วยกัน

กระทั่งวันหนึ่งลูกสาวของพรานหนุ่ม ได้ไปเล่นอยู่หน้าปากถ้ำและเผลอชนหินเปิดออก ผีแม่กองกอยจึงตามกลิ่นมาเจอชายหนุ่ม เขาได้วิ่งหนีออกไปและเอาหัวมุดลงไปในหลุมหัวมัน เมื่อผีแม่กองกอยตามมาทันก็เอามือไปดึงที่ก้นของพรานหนุ่ม จนเขาเผลอผายลมออกมากลิ่นเหม็นเน่า ผีแม่กองกอยจึงเข้าใจผิดว่านายพรานได้ตายแล้ว 

ท้ายที่สุดผีแม่กองกอยจึงนำย่ามใส่ของกินมาให้สามี เพื่อหวังให้วิญญาณของเขาไปสู่สุคติ จากนั้นเธอจึงเดินกลับถ้ำไปหาลูก และเมื่อได้จังหวะหนีนายพรานจึงลุกขึ้นมาจากดินและคว้าถุงย่ามวิ่งออกจากเมืองลับแลนั้นไป สุดท้ายเมื่อรอดกลับมาบ้านได้ เขาจึงพบว่าในย่ามนั้นเต็มไปด้วยทองคำบริสุทธิ์ และต่างเล่าให้ญาติพี่น้องฟังกัน จนเป็นเรื่องเล่าสืบต่อกันเรื่อยมา

ความจริงเกี่ยวกับ อำเภอลับแล 

รูปปั้นเมืองลับแล

ไม่ว่านิทานพื้นบ้านจะเป็นจริงหรือไม่ แต่ข้อสันนิษฐานหนึ่งที่ชาวบ้านอำเภอลับแลสังเกตเห็นกันก็คือ…

  • ผู้เฒ่าผู้แก่ในอำเภอมักจะเป็นผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย และมักจะเป็นหญิงม่ายที่สามีเสียชีวิตไปหมดแล้ว โดยชาวเมืองต่างลือกันว่า “ผู้ชายในเมืองลับแลมักจะอายุสั้น”
  • สังเกตได้ว่าในช่วงวันพระมักจะมีหญิงชรามาทำบุญมากกว่าชายชรา ซึ่งผู้หญิงที่มาส่วนใหญ่ตีเป็นประมาณร้อยละ 80 เลยทีเดียว จึงเป็นอีกความเชื่อหนึ่งที่เชื่อว่าเมืองลับแล หรือผีแม่ม่ายกินคนอาจเป็นเรื่องจริง

แต่อย่างไรก็ตามนอกจากเรื่องเล่าสุดสยองแล้ว ที่มาของเมืองลับแลตามหลักฐานประวัติศาสตร์ ก็อาจจะไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องผีแม่ม่ายเลยก็ได้ เพราะที่จริงแล้ว ตามข้อสันนิษฐานของสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ คำว่า “เมืองลับแล” นี้อาจเพี้ยนมาจากชื่อป่าในบริเวณนั้นที่ชื่อ “ลับแลง” และกลายเป็น “ลับแล” นอกจากนั้นในบริเวณอำเภอลับแลในอดีตยังเคยเป็นเมืองโบราณ ที่หลบซ่อนอยู่ในป่าเขาและภูมิประเทศที่ซับซ้อน จึงทำให้เรียกว่าเมืองลับแลนั่นเอง

ประวัติเมืองลับแล เป็นมายังไง?

เมืองลับแลหรือ อำเภอลับแล เป็นอำเภอใหญ่ของจังหวัดอุตรดิตถ์ ในอดีตเป็นชาวเมืองแพร่-น่านที่อพยพมาอยู่ ซึ่งเมืองลับแล หมายถึง “เมืองที่ซึ่งมองไม่เห็น” โดยบ้านเรือนส่วนใหญ่มักซ่อนอยู่ตามป่าตามเขา สามารถเข้าถึงยากและคนนอกที่เข้ามาก็มักจะหลงทางจึงเรียกว่าเมืองลับแล

เมืองลับแลในอดีตเกิดขึ้นเมื่อไหร่?

ในบริเวณ “ทุ่งยั้ง” ในอดีตก่อนที่คนไทยจะเข้ามาครอบครองเคยเป็นพื้นที่ชุมชนของพวกละว้าและขอมมาก่อน และเมื่อคนไทยเข้ามายึดก็ได้ตั้งชื่อว่า “เมืองกัมโภช” หลังจากนั้นได้มีคนจากอาณาจักรโยนกเชียงแสนอพยพเข้ามาอยู่มากมาย จึงตั้งถิ่นฐานขึ้นที่ป่าลับแลง และกลายเป็นเมืองลับแลนั่นเอง ซึ่งในประวัติศาสตร์เมืองลับแลกลายเป็นเมืองขึ้นกับอาณาจักรล้านนาในปี พ.ศ. 1690

การแต่งกายของชาวลับแลเป็นยังไง?

การแต่งกายของชาวเมืองลับแล จะมีเอกลักษณ์แบบ “ชาวไท – ยวน” ซึ่งเน้นใส่ผ้าทอเป็นหลัก ผู้ชายมักใส่เสื้อสีขาวคอกลมผ่าอก นุ่งโจงกระเบน ส่วนผู้หญิงนั้นจะใส่ผ้าคาลายดอกห่มทับด้วยสไบแพร และนุ่งซิ่นตีนจกลายดอกเคี้ยะ

เมืองลับแลมีจริงไหม…

ประตูเมืองลับแล

จากที่ฟังเรื่องเล่ามาทั้งหมด แอดมินขอสรุปสั้น ๆ ว่า “เมืองลับแล” นั้นเป็นอีกหนึ่งความเชื่อของชาวอุตรดิตถ์ ที่เชื่อกันมาช้านานว่ามีเมืองลึกลับแห่งหนึ่งหลบซ่อนอยู่ในป่าลึก ในเมืองแห่งนั้นมีแต่หญิงสาวและชายใดที่หลงเข้าไปก็มักจะไม่ได้มีชีวิตรอดกลับออกมา โดยเรื่องเล่าแต่ละเรื่องก็แตกต่างกันไป

  • ข้อสันนิษฐาน : จะเป็นไปได้ไหมว่า ที่ชาวบ้านเชื่อเช่นนั้นมาตั้งแต่อดีต เป็นเพราะว่าชาวบ้านส่วนใหญ่ในพื้นที่อำเภอลับแล ผู้ชายมักทำอาชีพนายพราน เข้าป่าล่าสัตว์ เก็บของป่าขาย และหลายครั้งก็อาจเกิดหลงป่าหาทางกลับไม่ได้ หรือเกิดอุบัติเหตุตายในป่า จึงทำให้ชาวอำเภอลับแลมีจำนวนผู้หญิงอาศัยอยู่มากกว่า และเชื่อเรื่อง “เมืองแม่ม่าย” มีอยู่จริง จากเรื่องเล่าของนายพรานที่สืบต่อกันมา 
  • เรื่องที่เกิดขึ้นจริง : นอกจากจะมีตำนานเมืองแม่ม่ายแห่งจังหวัดอุตรดิตถ์แล้ว ก็ยังเคยมีข่าวคนหลงป่า และเชื่อว่าหายเข้าไปในเมืองลับแลอีกด้วย เช่นข่าวของ “พรานเก่ง” ผู้ที่หายตัวไปอย่างลึกลับ 20 วันในป่า “เขาชมพู่-เขาเขียว” ในเขตป่าสงวนจังหวัดชลบุรี ได้มีหมอผีและพระสงฆ์มากมายต่างมาทำพิธีเพื่อหาตัวพรานเก่ง แต่ท้ายที่สุดกลับพบว่าเป็นศพตายอยู่ในหลุมลึก ซึ่งเชื่อว่าเขาได้ตายเพราะอาวุธปืนผูกที่เป็นกับดักล่าสัตว์ของเขาเอง นอกจากนั้นก็ยังมีข่าวที่หนุ่มศรีราชาหลุดเข้าไปในเมืองลับแล ที่ถูกแม่ตะเคียนพาตัวไป โดยอยู่ในจังหวัดชลบุรีเช่นกันด้วย

สรุป

เมืองลับแล ในความเชื่อของชาวอุตรดิตถ์ เชื่อว่าเคยมีชายผู้หนึ่งหลงป่าเข้าไปในเมืองลับแลที่มีแต่หญิงแม่ม่าย เขาได้กลับออกมาพร้อมทองคำและทำให้ชาวเมืองต่างฮือฮา แต่พอย้อนกลับไปก็หาทางเข้าเมืองลับแลไม่ได้เสียแล้ว หลังจากนั้นเรื่อยมาเรื่องเล่านี้จึงกลายเป็นตำนานโด่งดังของอำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ และกลายเป็นความเชื่อของชาวไทย

ทั้งนี้เมืองลับแลนอกจากจะหมายถึง “เมืองแม่ม่าย” ตามตำนานแล้ว อันที่จริงเมืองลับแลยังใช้ในความหมายของ เมืองลึกลับที่ซ่อนเร้นอยู่ในหุบเขา หรือพื้นที่ซับซ้อนที่เข้าถึงยากอีกด้วย บางครั้งอาจหมายถึงมิติเร้นลับที่อาจอยู่ในอีกโลกหนึ่ง เหมือนที่ชายชาวศรีราชาเล่าว่าตนได้หลุดเข้าไปตามแม่ตะเคียน และยังได้พบเจอกับบ้านโบราณเก่าแก่ที่น่าขนลุกอีกด้วย 

อย่างไรก็ตามเรื่องเล่าทั้งหมดมีหลายด้าน หลายมุมมอง ขึ้นอยู่ที่ความเชื่อและวิจารณญาณส่วนบุคคล ruay ไม่สามารถพิสูจน์ให้ได้ว่าเมืองลับแลมีจริงหรือไม่ แต่หวังว่าวันนี้ทุกคนจะได้รับสาระดี ๆ และได้ฟังเรื่องเล่าสนุก ๆ กันไปนะ ส่วนใครที่จะไปเดินป่าแล้วกลัวหลงเข้าไปในดินแดนลับแล ก็สามารถพก คาถาเดินทางปลอดภัย ไปท่องด้วยก็ได้ ส่วนใครที่อยากเสี่ยงโชคซื้อ หวยรัฐบาล งวดนี้ต้องเลข 58-85 เลย เพราะหนุ่มศรีราชาบอกว่าเลขดังกล่าวพี่สาวแม่ตะเคียนได้ให้มา!

ขอบคุณภาพบางส่วนจาก Sanook

บทความแนะนำ

Facebook
Twitter
Email