เชื่อได้ว่า ไม่ใช่เฉพาะเซียนพระ แต่ชาวบ้านทั่วไปก็ต้องคุ้นเคยกับชื่อของ หลวงปู่ทวด หรือ สมเด็จเจ้าพะโคะ หรือสมญานามที่คนไทยรู้จักกันดีคือ “หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด” หรือ“หลวงปู่ทวด วัดช้างให้” เป็นอย่างดี เพื่อไขข้อสงสัยของใครหลายคนว่า หลวงปู้ทวด มีจริงไหม หมอเมย์ จึงขอพาไปทำความรู้จักกับ ประวัติหลวงปู่ทวด และความเชื่อหลวงปู่ทวดกัน
หลวงปู่ทวดมีชื่อเสียงโด่งดังมากในทางให้โชคลาภเรียกทรัพย์ หลายคนคงเคยไปสักการะหลวงปู่ทวดองค์ใหญ่ ที่วัดห้วยมงคล ชุมชนบ้านห้วยคต อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ มาแล้ว เพราะมีตำนานที่เล่าสืบต่อกันมาว่าหลวงปู่ทวดเป็นพระสงฆ์ที่มีตัวตนจริงในสมัยอยุธยา ชั่วชีวิตของท่านนั้นมีปาฏิหาริย์ อภินิหารต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย จนเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของชาวบ้านและถูกกล่าวขานถึงมาจนถึงปัจจุบัน
สารบัญ
Toggleประวัติหลวงปู่ทวด
ตำนานที่บอกต่อกันว่ากล่าวว่า หลวงปู่ทวด นั้นเกิดวันศุกร์ เดือนสี่ ปีมะโรง พุทธศักราช 2125 มีนามเดิมว่า “ปู” เป็นบุตรของนายหู และ นางจัน ชาวบ้านวัดเลียบ ต.ดีหลวง อ.สทิงพระ จ.สงขลา ว่ากันว่าตอนที่เด็กชายปูเกิดนั้น ฟ้าร้องฟ้าผ่าแผ่นดินสะเทือนเลื่อนลั่น ซึ่งคนโบราณเขาเชื่อว่า เหตุการณ์ลักษณะนี้จะมีผู้มีบุญบารมีมาเกิด
ซึ่งหลังจากถือกำเนิดเกิดมาว่ากันว่าบิดาได้นำสายสะดือไปฝังที่โคนต้นเลียบ ในบริเวณที่กลายเป็นสำนักสงฆ์ต้นเลียบในปัจจุบัน เมื่อครั้นที่เด็กชายปู ยังเป็นทารกนั้นได้เกิดเหตุอัศจรรย์ขึ้น ระหว่างที่นายหูและนางจัน ซึ่งมีฐานะยากจนกำลังทำนา ได้ผูกเปลของท่านไว้กับต้นเม่า 2 ต้น
ก่อนจะมีงูบองหลา หรือจงอางตัวใหญ่มาพันที่รอบเปล ไม่ว่าจะไล่ยังไงก็ไม่ไป พวกท่านจึงคิดว่างูตัวใหญ่นี้อาจเป็นเทวดาแปลงกายมาจึงลองนำข้าวตอกดอกไม้ ธูปเทียนมากราบไหว้ แล้วงูก็เลื้อยหายไปจริงๆ แต่เมื่อไปดูที่ตัวเด็กชายปูก็พบว่ายังหลับสนิทเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ที่หน้าอกนั้นมีเมือกแก้วแวววาวขนาดใหญ่เปล่งแสงอยู่ พวกท่านจึงเก็บดวงแก้วนี้ไว้บูชา จนมีฐานะดีขึ้นมา
เมื่อเด็กชายปูอายุได้ 7 ขวบ บิดามารดาได้นำไปฝากเรียนกับสมภารจวง วัดกุฏิหลวง (วัดดีหลวง) เด็กชายปูนั้นเฉลียวฉลาดมากเรียนทั้งภาษาไทย และภาษาขอมจนแตกฉาน เมื่ออายุได้ 15 ปี ก็บรรพชาเป็นสามเณร บิดาจึงได้มอบดวงแก้วไว้เป็นของประจำตัว และไปศึกษาต่อกับสมเด็จพระชินเสน ที่วัดสีหยัง (สีคูยัง)
ครั้นอายุครบอุปสมบท จึงได้อุปสมบทที่สำนักพระมหาเถระปิยทัสสี หรือวัดสีมาเมือง (เสมาเมือง) จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้รับฉายาว่า “ราโม ธมฺมิโก” แต่ชาวบ้านเรียกขานกันว่า “เจ้าสามีราม” หรือ “เจ้าสามีราโม” เจ้าสามีรามได้เดินทางไปศึกษาที่วัดต่างๆ อีกหลายวัด จนคิดว่าเพียงพอแล้วจึงนั่งเรือสำเภาเพื่อเดินทางไปยังกรุงศรีอยุธยา
ตำนานหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด
ระหว่างที่โดยสารเรือสำเภามาถึงชุมพรนั้น ได้เกิดเหตุอาเพศคลื่นยักษ์ปั่นป่วนจนเรือแล่นต่อไปไม่ได้ ทอดสมอลอยคลอกลางทะเลถึง 7 วัน 7 คืน จนเสบียงในเรือหมด ลูกเรือจึงนิมนต์ให้เจ้าสามีรามลงเรือมาดไป เมื่อท่านลงเรือมาดได้นั่งห้อยขาลงไปในน้ำ
ขณะนั้นก็เกิดเหตุอัศจรรย์ในน้ำทะเลเกิดแสงประกายแวววาว เจ้าสามีรามจึงบอกให้ลูกเรือลองตักน้ำทะเลขึ้นมาชิม ปรากฏว่าน้ำนั้นกลายเป็นน้ำจืดกินได้ ลูกเรือจึงช่วยกันตักน้ำขึ้นมาเพื่อใช้ดื่มกินต่อไป และได้นิมนต์เจ้าสามีรามกลับขึ้นมายังเรือสำเภาเพื่อเดินทางไปยังกรุงศรีอยุธยาต่อไป
เมื่อถึงกรุงศรีอยุธยา เจ้าสามีรามได้จำพรรษาอยู่ที่วัดแค ศึกษาพระธรรมที่วัดลุมพลนาวาส ต่อมาได้ไป ศึกษาธรรมและภาษาบาลีกับสมเด็จพระสังฆราชจนเชี่ยวชาญจึงทูลลาไปจำพรรษาที่วัดราชานุวาส สมณศักดิ์ “พระราชมุนีสามีรามคุณูปมาจารย์”
ในช่วงนี้เองที่พระเจ้าวัฏฏะคามินี แห่งประเทศลังกาได้ส่งพราหมณ์ทั้ง 7 มาทายปริศนาธรรมหวังยึดกรุงศรีอยุธยาเป็นเมืองขึ้นโดยไม่ต้องรบราฆ่าฟัน สมเด็จพระเอกาทศรถ ทรงเฟ้นหาพระผู้มีปัญญาจากทั่วสารทิศเพื่อมาไขปริศนาธรรมพระทั่งได้ เจ้าสามีรามมาช่วงไขปริศนาธรรมจนสำเร็จ สมเด็จพระเอกาทศรถจึงพระราชทานสมณศักดิ์ให้เจ้าสามีรามเป็น “พระราชมุนีสามีรามคุณูปมาจารย์”
สมณศักดิ์ “พระสังฆราชคูรูปาจารย์”
เมื่อครั้นที่กรุงศรีอยุธยาเกิดโรคห่าระบาด ว่ากันว่า”พระราชมุนีสามีรามคุณูปมาจารย์” ได้ออกพรมน้ำมนต์ไปทั่วสาระทิศจนโรคห่าได้อันตรธานไปจากเมืองนี้ ท่านจึงได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ “พระสังฆราชคูรูปาจารย์”
“สมเด็จเจ้าพะโคะ”
กาลเวลาผ่านไปท่านจึงได้กราบทูลลาเพื่อออกธุดงค์ กระทั่งมาถึงวัดพัทธสิงห์บรรพตพะโคะ ชาวบ้านต่างเลื่อมใสศรัทธาและพากันเรียกท่านว่า “สมเด็จเจ้าพะโคะ” ท่านได้จำพรรษาอยู่ที่วัดแห่งนี้นานหลายปี และได้จากวัดนี้เพื่อออกจาริกธรรมไปตามที่ต่างๆ ด้วยความชราภาพมาก ท่านจึงสั่งเสียศิษย์ว่าหากท่านมรณภาพให้จัดนำร่างไปฌาปนกิจ ณ วัดช้าง อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี ซึ่งลูกศิษย์ก็ได้ทำตามสมปรารถนาของท่าน
คาถาบูชา หลวงปู่ทวด
หลวงปู่ทวด หรือ สมเด็จเจ้าพะโคะ นับว่าเกจิอาจารย์ที่คนทั้งประเทศศรัทธานับถือ มีคนบูชาจำนวนมาก โดยการบูชา หลวงปู่ทวด หรือ สมเด็จเจ้าพะโคะ มีดังนี้
- ให้ใช้ธูปแขก 9 ดอก
- มะลิขาว 9 ดอก
จากนั้นให้ท่อง นะโม 3 จบ แล้วต่อด้วย “นะโมโพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติภควา” 3 จบ แล้วระลึกถึงท่าน เชื่อกันว่าคาถานี้จะช่วยให้แคล้วคลาดปลอดภัย ดังนั้นคนที่จะเดินทางนิยมสวดคาถานี้ก่อนออกเดินทาง ตรวจหวย
พร้อมกันนี้ยังมีบทให้ท่องก่อนออกเดินทางไกลจะช่วยให้แคล้วคลาดด้วย คือ “มะติ ยาเต มะเต ยาติ มาเต ถินา นะนา ถิเต มะนา เนสา มะสา เนนา มะสา จะติ มะติ จะสา มะติยาโน มะโนยาติ มะโนติตัง มะตังติโน มะตังปาลัง มะลังปาตัง มะลังจะติ มะติจะลัง”
ให้ท่องบทนี้ 3 จบก่อนออกเดินทาง “อิติปิโส ภควา ยาตรายามดี วันนี้ชัยศรี สวัสดีลาโภ นะโมพุทธายะ” จากนั้นขอพรให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ
คาถาหลวงปู่ทวดปลดหนี้ เรียกทรัพย์
ทั้งนอกจากคาถาให้แคล้วคลาดในการเดินทางแล้ว คาถาหลวงปู่ทวด ยังมีคาถาปลดหนี้ด้วยเช่นกัน คาถาที่เชื่อกันว่าท่องแล้วจะรวย ก็คือ
ให้ตั้งนะโม 3 จบ จากนั้น ท่องว่า
“นะ เปิด โม เปิด พุท เปิด ธา เปิด ยะ เปิดโลกด้วย นะโมโพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติภควา ยะธาพุทโมนะ”
สรุป
ประวัติความเป็นมาของหลวงปู่ทวดนั้นเชื่อว่าลูกศิษย์ทั้งหลายที่เลื่อมใสในตัวท่านคงจะเคยได้อ่านผ่านตากันมาบ้างแล้ว ท่านนั้นเป็นผู้มีบุญญาธิการทั้งยังครองสมณเพศด้วยความเรียบง่าย ruay ไม่หวังลาภยศ แต่กลับออกธุดงค์และเผยแพร่ธรรมะไปทั่วสารทิศ
ทั้งยังใช้ปัญญาแก้ปัญหาต่างๆด้วย ดังนั้นหากลูกศิษย์ลูกหาที่ศรัทธาก็สามารถจดจำบทสวดของท่านเพื่อใช้เป็นที่พึ่งพาทางใจในยามทุกข์ได้