“พิภพมัจจุราช ใครถึงฆาตดับชีวี…..” แหม่..วันนี้มาแบบเพลงย้อนยุคกันเลยทีเดียว แต่ก็เป็นเพลงที่ไม่ล้าสมัยนะ ตามความเชื่อของชาวพุทธเราหลังจากที่เราได้เสียชีวิตแล้วยังมีอีกโลกหลังความตายอีกที่หนึ่งที่มี พญายมราช เป็นใหญ่ในโลกนั้นคอยตัดสินว่าใครจะได้ขึ้นสวรรค์หรือไปชดใช้กรรมในนรก
แต่ Ruay ไม่ได้จะมาพูดถึงโลกหลังความตายนะ… ช่วงนี้อย่างที่รู้กันว่ามีการระบาดของโควิด-19 กลับมาอีกครั้ง ในบางจังหวัดเริ่มมีการล็อคดาวทำให้อาจจะเกิดความกังวลในเรื่องของการเจ็บไข้ได้ป่วย ดังนั้นแอดมินจึงมาชวนสวดคาถาบูชาพญายมราช ราชาผู้เป็นใหญ่ในยมโลก ซึ่งหากสวดทุกวันจะไม่เจ็บป่วย อายุยืน แต่ก่อนที่จะไปเริ่มไปสวดนั้น เราไปดูถึงที่มาที่ไปของท่าน พญายมราช กันก่อนว่าทำไมท่านถึงมาเป็นใหญ่อยู่ที่โลกหลังความตายนี้
สารบัญ
Toggleตำนานท้าว พญายมราช
ท้าวพญายมราช หรือ พระยม ในเทวตำนานยุคต้น ท้าวจตุโลกบาลแห่งทิศทักษิณ กล่าวไว้คือพระยม เป็นองค์เดียวกัน ต้องบอกก่อนเลยว่าพญายมท่านก็เคยเกิดเป็นมนุษย์มาก่อนเช่นกัน สำหรับพญายมองค์ปัจจุบันนั้นในอดีตชาติก่อนที่ท่านจะได้เป็นท้าวพญายมราชนั้น
ท่านเกิดเป็นมนุษย์ในครั้งก่อนพุทธกาล ในยุคที่มนุษย์อยู่กันเป็นชุมชนยังไม่ใหญ่นัก ซึ่งท่านเป็นหัวหน้าชุมชนในหมู่บ้านเป็นผู้มีวิชาความรู้ เมื่อเกิดเหตุความไม่สงบขึ้นในชุมชนหมู่บ้านท่านเป็นผู้นำปราบปรามแก้ไข และต้องตัดสินพิพากษา
ครั้งหนึ่งเกิดเหตุการณ์ฆ่ากันตายในหมู่บ้านที่ท่านดูแลอยู่ แต่ไม่มีผู้ใดยอมรับว่าเป็นผู้กระทำด้วยเกรงกลัวความผิด เพราะต้องโทษถึงประหารชีวิต ปรากฏว่า พ่อบังเกิดเกล้าของท่านเองที่เป็นผู้ร้ายฆ่าคนตาย
ท่านพญายมราชมีความเสียใจเป็นอย่างมากไม่รู้จะทำอย่างไร แต่ท่านก็ต้องพิจารณาด้วยใจอันเป็นธรรมอย่างที่สุดจึงได้ตัดสินให้ประหารพ่อของท่านเอง แล้วตัวท่านเองก็ออกจากหมู่บ้านเร่ร่อนไปจนท่านเสียชีวิตเพียงลำพัง
เป็นการแสดงให้เห็นว่าท่านมีความเที่ยงธรรมอย่างหาที่เปรียบมิได้ เมื่อท่านได้เสียชีวิตดวงวิญญาณของท่านเป็นยกย่องในความเที่ยงธรรม เทวดาทั้งหลายจึงแสดงฉันทามติสถาปนาท่านให้ดำรงตำแหน่งท้าวพญายมราช
ลักษณะของท้าว พญายมราช
พญายมราชจะมีลักษณะใบหน้าดุดัน พระวรกายสีแดงทรงเครื่องอย่างกษัตริย์ พระหัตถ์ขวาถือบ่วงยมบาศก์(บ่วงบาศก์ที่ใช้จับมัดวิญญาณทั้งหลาย) พระหัตถ์ซ้ายทรงไม้ท้าวยมทัณฑ์ ทรงกระบือเป็นพาหนะ มีอิทธิฤทธิ์มากทำหน้าที่พิพากษาและปกครองดวงวิญญาณทั้งหลายในนรกภูมิ มีบริวารคือ ยมทูต หรือ นายนิรยบาล มีหน้าที่นำวิญญาณทั้งหลายไปยังสำนักพญายม และลงโทษแก่ดวงวิญญาณในนรก
บริวารของพญายมราช
ท่านพญายมราชยังมีบริวารเรียกว่าเหล่ายมทูต ซึ่งทำหน้าที่ไปเก็บดวงวิญญาณต่างๆ ให้ท่านซึ่งเราจะเรียกท่านว่า พญามัจจุราชนั่นเองนอกจากนี้องค์พญายมราชยังมีบริวารที่ทำหน้าที่บันทึกการ กระทำความดีความชั่ว เรียกว่าสุวัณ และสุวาณ
สุวัณนั้นทำหน้าที่จัดการกระทำความดีของผู้ที่กระทำความดีตั้งอยู่ในศีลใน ธรรม การจดนั้นท่านใส่สมุดทองคำ เมื่อรายงานองค์พญายมราชเสร็จเรียบร้อยจะทำการยกขึ้นจบเหนือหัวเป็นการ อนุโมทนา ส่วนสุวาณทำหน้าที่จดการกระทำของคนชั่วประพฤติบาป ไม่ตั้งอยู่ในศีลในธรรม การจดก็จดใส่สมุดหนังหมา เป็นการ คาดโทษเอาไว้
อานิสงส์ของการบูชาพญายมราช
เชื่อกันว่าใครที่บูชาพญายมราช ภูตผีปีศาจไม่กล้าระราน ผู้นั้นจะมีตบะบารมีที่น่าเกรงขาม ใครคิดร้ายด้วยทุจริตมิชอบอิจฉาตาร้อน จะแพ้ภัยด้วยตัวเขาเอง นอกจากนี้หากหมั่นบูชาพระองค์ท่านเสมอๆท่านว่าจะห่างไกลจากความป่วยไข้มี อายุยืนนาน หากรับราชการหรือทำมาค้าขายด้วยความซื่อตรงก็จะบังเกิดความเจริญมีความสุขใน ชีวิตยิ่งๆขึ้นไป
ของบูชาพญายมราช
การบูชาพญายมราชนั้น เราอาจจะหารูปภาพที่เป็นตัวแทนของท่านมาตั้งไว้ และให้ทำการไหว้บูชาในตอนเช้าทุก ๆ วัน โดยจุดธูป 5 ดอกในการไหว้ สำหรับของไหว้นั้นแล้วแต่ว่าจะตั้งวันใดก็ได้ไม่จำเป็นต้องทุกวัน โดยของไหว้มีดังนี้
- ข้าวตอกดอกไม้ โดยเฉพาะดอกไม้ที่มีสีแดง
- พวงมาลัยดาวเรือง
- ข้าวสวย
- อาหารคาว 2-3 อย่าง
- นม เนย
- ขนมหวาน
- ผลไม้ 3 อย่าง หรือ 5 อย่างก็ได้ แต่ผลไม้ที่ควรจะมีได้แก่ กล้วยสุก อ้อย และมะพร้าวอ่อน
- ธงสีแดง 7 ผืน (เฉพาะครั้งแรกที่ตั้งไหว้)
- ผ้าแพรสีแดง 3 ผืน (เฉพาะครั้งแรกที่ตั้งไหว้)
- ตุ๊กตารูปปั้นนกแสกหรือควาย (เฉพาะครั้งแรกที่ตั้งไหว้)
สามารถไปไหว้ได้ที่ วัดชัยสิทธาวาส ศาลพ่อปู่พญายมราช จังหวัดปธุมทานี เป็นสถานที่ที่ผู้คนนิยมเดินทางมาไหว้อย่างมาก นอกจากนั้นยังสามารถไหว้ที่ทางสามแพ่งแถว ๆ บ้านได้เช่นกัน
สามารถบูชา “ท้าวเวสสุวรรณ” ได้เช่นกัน พระองค์เป็นหัวหน้าแห่งท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 ผู้ปกปักรักษาโลกมนุษย์จากภูตผีทั้งปวง คนไทยเชื่อว่าเด็กคนไหนที่เห็นผีหรือร้องไห้ไม่หยุด ให้นำท้าวเวสสุวรรณมาให้เด็กห้อยแล้วจะหายดี
นอกจากพญายมราชและท้าวเวสสุวรรณแล้ว ก็ยังสามารถห้อยเบื้ยแก้ พระเครื่อง ผ้ายันต์ รวมถึงพกมีดหมอติดไว้เช่นกัน ซึ่งเป็นเครื่องรางกันผียอดนิยม
คาถาบูชาองค์ พญายมราช
ตั้งนะโม 3 จบ
โอม พะยามะราชะ อุปาทะวะตายะ มะหิสสะ พาหะนายะ ทักขิณะทิสะ ฐิตายะ อาคัจฉัญภุญชะตุ ขิปปะยะตุ วิปปะยะตุ สะวาหะ สะวาหะยะ สัพพะ อุปาทะวะ วินาสายะ สัพพะ อันตะรายะ วินาสายะ สุขขะวัฑฒะโก โหตุ อายุ วัญญะ สุขะ พะลัง อัมหากัง รักขันตุ สะวาหะ สะวาหายะ
(ท่องคาถา 3 จบ แล้วจึงเป่ามนต์ที่ท่องใส่เครื่องบวงสรวงจนครบ 3 ครั้ง) จากนั้นให้ยกเครื่องบูชาไปตั้งวางไว้ที่ทางสามแพร่งหรือสามแยกทางทิศใต้
หากต้องการสวดเพื่อขอความเป็นสิริมงคลกับพญายมราช ก็ให้ท่องตามกำลังวันเกิดหลังจากที่ทำพิธีบูชาข้างต้นแล้ว โดยให้สวดวันละ 1 จบก่อนเข้านอน หรือตอนเช้าก็ได้
- วันอาทิตย์ มีกำลัง 6 ต้องสวด 6 จบ หรือ 9
- วันจันทร์ มีกำลัง 15 ต้องสวด 15 จบ
- วันอังคาร มีกำลัง 8 ต้องสวด 8 จบ หรือ 9
- วันพุธ มีกำลัง 17 ต้องสวด 17 จบ
- วันพฤหัสบดี มีกำลัง 19 ต้องสวด 19 จบ
- วันศุกร์ มีกำลัง 21 ต้องสวด 21 จบ
- วันเสาร์ มีกำลัง 10 ต้องสวด 10 จบ
- วันราหู (พุธกลางคืน) มีกำลัง 12 ต้องสวด 12 จบ
สรุป
จากตำนานของท่านท้าว พญายมราช แสดงให้เห็นถึงความเที่ยงธรรม ความยุติธรรม ให้เรา ๆ ท่านๆ ได้เห็นกันถึงแม้คนใกล้ตัวทำความผิดก็ไม่ละเว้น นี่คือความดีอย่างหนึ่งที่ทุกคนสามารถทำได้ อาจจะไม่ถึงขั้นต้องตัดสินชีวิตใคร แต่สามารถที่จะช่วยตักเตือนคนที่กำลังจะทำผิดได้ หรือทำผิดไปแล้วก็ให้กลับตัวกลับใจใหม่เท่านี้ก็เป็นบุญ เป็นความดีที่เราทุกคนสามารถทำได้
อีกทั้งท่านยังมีคติระลึกให้พึงพิจารณาการกระทำของตัวเราเองว่าเป็นไปในทางบาป หรือบุญ เป็นคุณหรือโทษ ในระหว่างช่วงที่ยังมีชีวิตอยู่ นอกจากนี้ในการระลึกบูชาองค์พญายมยังมีอานิสงส์ที่สำคัญ คือเพื่อความเป็นสิริมงคลในด้านของการต่ออายุให้ยาวนาน หรือให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ อีกด้วย
ขอบคุณภาพบางส่วนจาก tnews
บทความที่เกี่ยวข้อง
- 5 คาถาเดินทางปลอดภัย & วิธีเตรียมตัวก่อนเดินทางไกล รู้ไว้ช่วยให้แคล้วคลาด!
- คาถาเดินเรือปลอดภัย แคล้วคลาดจากภัยทางน้ำ
- คาถาป้องกันโควิด-19 & คาถาป้องกันโรคภัย ครูบาบุญชุ่ม และเกจิอาจารย์ดัง!
- รวมมิตร ‘10 คาถาบูชาดวงชะตา’ ให้รุ่งเรืองรุ่งโรจน์
- มัดรวม! คาถาปล่อยปลา ปล่อยสัตว์ ของเกจิอาจารย์ดัง พร้อมบทแผ่เมตตาต่ออายุ