“อยู่ด้วยกันดีๆไม่ได้ใช่ไหม” แหม…คำนี้ติดหู ถึงกับอินอยากจะเป็น คำแก้ว เลยทีเดียว รู้กันหรือไม่ว่า พญานาค นั้นมีหลายองค์ แต่ที่รู้จักกันเป็นอย่างดีก็คือ พญาศรีสุทโธนาคราช แต่วันนี้แม่โลมาจะมากล่าวถึง พญาศรีสัตตนาคราช พญานาคที่ถือได้ว่าเป็นองค์หนึ่งในนาคาธิบดีทั้ง 9 เลยเชียวนะ
จากคำบอกเล่าของ หลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ พระเกจิ อาจารย์ชื่อดังแห่งวัดธาตุมหาชัย อ.ปลาปาก จ.นครพนม เล่าไว้ว่า ในผืนน้ำของประเทศไทยมีพญานาคที่เป็นใหญ่ คือ พญาศรีสุทโธนาคราช (นาคาธิบดีศรีสุทโธ) ชอบบำเพ็ญศีลบำเพ็ญเพียรและปฏิบัติธรรม มีนิสัยอ่อนโยนเมตตา ไม่ชอบการต่อสู้ มีตำนานกล่าวว่า ท่านชอบมาที่วัดพระธาตุพนม จ.นครพนม
ส่วน พญาศรีสัตตนาคราช เชื่อว่าเป็นใหญ่เหนือพญานาคทั้งปวงในสองแผ่นดินไทย-ลาว ที่มีความเด่นสง่าเพราะมี 7 เศียรลำตัวเดียว ซึ่งเป็นตระกูลพญานาคมีความใกล้ชิดพระพุทธองค์และพระพุทธศาสนามาแต่ครั้งโบราณกาล
“หากมีพิธีกรรมอันใดอยู่ใกล้ต้นน้ำลำธารให้อัญเชิญบอกกล่าวแก่เหล่าพญานาค เชื่อว่าพิธีกรรมนั้นจะศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก” พระเกจิชื่อดังกล่าวไว้
สารบัญ
Toggleตำนานพญานาค
สำหรับความเชื่อในเรื่องพญานาคของชาวไทยเรา ได้ถูกกล่าวขานกันมานานจากเกจิอาจารย์หลาย ๆ รูป อีกทั้งยังรวมถึงในพุทธประวัติด้วย ทำให้พญานาคกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของคนไทยไปแล้ว ด้วยความเชื่อและความศรัทธาซึ่งความเชื่อนี้ยังรวมถึงพี่น้องเพื่อนบ้านอย่างประเทศลาวด้วย
โดยผู้คนเชื่อกันว่าพญานาค จะคอยปกปักษ์รักษาผู้ที่อยู่อาศัยในแถบลุ่มแม่น้ำโขงและองค์พระธาตุพนม โดยลักษณะของพญานาคตามความเชื่อแต่ละท้องถิ่นจะแตกต่างกันไป แต่หลัก ๆ แล้วจะมีลักษณะ เป็นงู ตัวใหญ่มีหงอนสีทองและตาสีแดง เกล็ดเหมือนปลามีหลายสีแตกต่างกันไปตามบารมี บ้างก็มีสีเขียว บ้างก็มีสีดำ หรือบ้างก็มี 7 สี
แต่ถ้ามีตระกูลที่สูงขึ้นไปจะมี 3 เศียร 5 เศียร 7 เศียร และ 9 เศียร เชื่อกันว่าสืบเชื้อสายมาจาก พญาเศษนาคราช (อนันตนาคราช) และถ้าจะถามว่าพญานาคองค์ใดปกครองฝั่งไทย องค์ใดปกครองฝั่งลาว มีคำตอบให้ทางนี้
ทางด้านฝั่งลาว คือ พญาศรีสัตตนาคราช (นาคาธิบดีสีสัตตนาคบาดาล) ซึ่งเชื่อว่าเป็นกษัตริย์แห่งพญานาคฝั่งลาว เป็นพญานาคเจ็ดเศียร ส่วนฝั่งไทย คือ พญาศรีสุทโธนาคราช (นาคาธิบดีสีสุทโธ) เป็นกษัตริย์พญานาคฝั่งไทย เป็นพญานาคมีเพียงเศียรเดียว
เปิดตำนานพญาศรีสัตตนาคราช
ความเป็นมา
ตามความเชื่อตำนานของพญานาค องค์พญาศรีสัตตนาคราช เป็นนาคธรรมดา บิดาเป็นมนุษย์ และมารดาเป็นพญานาคีพระราชธิดาของพญาสนธินาคราช และพญาศรีภาวนานาคิณี สืบเชื้อสายมาจากพญามุจรินทร์นาคราช มีความเด่นสง่าเหนือกว่าใครเพราะมี 7 เศียร ลำตัวเดียว
ถือได้ว่าเป็นตระกูลพญานาคที่สืบสายพันธุ์มาแต่ครั้งพุทธกาล มีความใกล้ชิดพระพุทธองค์และพระพุทธศาสนา ซึ่งอาจจะถือได้ว่าเป็นต้นตระกูลแห่งพญานาคทั้งหลายทั้งปวง พระองค์มีพระมเหสีฝ่ายขวาคือ พระนางมธุรินรดีเทวี และมเหสีฝ่ายซ้ายคือ พญานาคิณีศรีสุดาจันทร์ทิพย์
ตำนานอุรังคธาตุ
เมื่อครั้ง พระศาสดา เสด็จไปสู่ดอยนันทกังรี ซึ่งเป็นที่อยู่ของนางนันทยักษ์ แต่ก่อนมีนาคตัวหนึ่ง 7 เศียร ชื่อว่า ศรีสัตตนาค เข้ามาทูลขอให้พระศาสดาทรงย่ำรอยพระบาทไว้ ณ ที่นั้น ทรงก้าวพระบาทข้ามตีนดอยก้ำขวาแล้วทรงแย้มพระโอฐ เจ้าอานนท์กราบทูลถาม ตถาคตตรัสว่า ” เราเห็นนาค 7 เศียร เป็นนิมิต ต่อไปภายหน้าที่นี้จักบังเกิดเป็นเมือง มีชื่อว่าเมืองศรีสัตตนาค”
อุปนิสัย
รักสงบ สันโดษ รักศักดิ์ศรี มีสัจจะวาจา และมากด้วยพระเมตตา ฝักใฝ่ในการประพฤติปฏิบัติธรรม รักษาศีล บำเพ็ญภาวนา และมีจิตเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างมาก ถึงขนาดที่ว่าปวารณาตน เพื่อดูแลปกปักษ์รักษาพระพุทธศาสนามากกว่านาคราชองค์ใด ในดินแดนแถบนี้
ที่มาของ ลานศรีสัตตนาคราช
เนื่องจากด้วยความเชื่อและมีศรัทธาในองค์พญาศรีสัตตนาคราช ทำให้ในช่วงที่ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม คนที่ 38 (ในขณะนั้น) มีความคิดที่ว่านครพนมนั้นมีทิวทัศน์สวยงามแถบริมฝั่งโขง แต่ยังขาดสัญลักษณ์ของเมืองที่จะเป็น แลนด์มาร์ก
จึงได้หารือกับ อดีตส.ส.นครพนม (ในขณะนั้น) และในหลาย ๆ ภาคด้วยกัน จึงได้ดำเนินการออกแบบและควบคุมการก่อสร้าง โดยมี พระเทพวรมุนี เจ้าคณะจังหวัดนครพนม เจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร ตั้งชื่อให้ว่า “พญาศรีสัตตนาคราช”
“พญาศรีสัตตนาคราช” แห่งนี้เป็น องค์พญานาคหล่อด้วยทองเหลืองน้ำหนัก 9 ตัน รูปทรงพญานาคขดหาง 7 เศียร ประดิษฐานบนแท่นฐาน 8 เหลี่ยม กว้าง 6 เมตร เฉพาะตัวพญานาคสูง 10.90 เมตร กว้างรวมหาง 4.49 เมตร ใช้งบสร้างรวม 9 ล้านบาท สูงรวมฐาน 16.29 เมตร สามารถพ่นน้ำได้
ใต้แท่นฐานรูปทรง 8 เหลี่ยม ยังจัดเป็นพิพิธภัณฑ์รวบรวมประวัติความเป็นมาการก่อสร้าง และวัตถุมงคลที่ดำเนินการจัดสร้างหลายรุ่น เพื่อให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้ศึกษา และยังเชื่อกันว่าผู้ที่มาบนบานอธิษฐาน ด้านการงาน กิจการค้าขาย จะสมปรารถนาทุกปราการหามีจิตใจศรัทธาในองค์ท่าน ซึ่งหากคนใดที่สมปรารถนาก็จะนำเครื่องเซ่นไหว้ และนางรำมาฟ้อนรำถวาย รวมทั้งนำคณะหมอลำมาแก้บนตามที่อธิษฐานไว้
เครื่องสักการะขอพร
- ธูปหอม 19 ดอก
- พวงมาลัยดอกมะลิ 1 พวง
- อื่นๆ ตามจิตศรัทธา อาจจะเป็นผลไม้ต่าง ๆ เช่นมะพร้าวน้ำหอม 1 ลูกเป็นต้น
** งดถวายของคาวทุกประเภท **
คาถาบูชาพญาศรีสัตตนาคราช
ตั้งนะโม 3 จบ
กาเยนะ วาจายะ วะ เจตะสาวา, อิมัง สิริสัตตะนาคะ ราชะนามะกัง อะหัง วันทามิ สัพพะทา สัพพะโสตถี ภะวันตุ เม.
คำแปล
ข้าพเจ้า ขอน้อมกาย วาจาและจิตใจ กราบไหว้วันทา พญานาคะราช นามว่า ศรีสัตตนาคราชตนนี้ ขอความสุขสวัสดี จงบัง เกิดมีแก่ข้าพเจ้าทุกเมื่อเทอญ
สรุป
พญาศรีสัตตนาคราช เป็นอีกตำนานของความศักดิ์สิทธิ์เรื่องพญานาคริมฝั่งแม่น้ำโขง ที่ทำให้ผู้คนหลั่งไหลมากราบไหว้อย่างไม่ขาดสายเพราะด้วยความเชื่อและศรัทธานั่นเอง ทำให้ใน ทุกๆ ปีต้องมีการบวงสรวง พญาศรีสัตตนาคราช อย่างยิ่งใหญ่ ซึ่งจะเกิดในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม ทั้งนี้ใครที่ศรัทธาสามารถที่จะไปกราบไหว้ขอพรกันได้ตลอดเวลา
สำหรับผู้ที่ไปกราบไหว้ขอพรแม่โลมาขอแนะนำเพิ่มเติมว่า องค์พญาศรีสัตตนาคราช ชอบคนมีสัจจะวาจา ชอบคนที่อยู่ในศีลในธรรม จิตเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา เพราะท่านถึงขนาดที่ปวารณาตน เพื่อดูแลปกปักษ์รักษาพระพุทธศาสนาเลยทีเดียว หากต้องการให้พรที่ขอได้ผลเร็วต้องปฏิบัติตัวให้ได้อย่างที่ Ruay กล่าวมานะจ๊ะ