ว่ากันว่า บูชาพระสีวลี แล้วชีวิตจะมีแต่ความเจริญรุ่งเรือง เพราะพระสีวลี คือ 1 ใน 80 พระอสีติมหาสาวก หรือศิษย์เอกของพระพุทธเจ้า รูปลักษณ์ของพระสิวลีที่เป็นภิกษุ มือขวาถือไม้เท้า มือซ้ายแบกกรด สะพายบาตรบ้าง สะพายย่ามเครื่องอัฐบริขารบ้าง พระพุทธเจ้าทรงยกย่องพระสิวลีเป็นเอตทัคคะในทางมีลาภมาก เพราะท่านมีบุญบารมีสูง
รู้กันหรือไม่ว่าทำไม พระสีวลี ท่านถึงได้ถูกยกย่องในเรื่องของโชคลาภ มาถึงตรงนี้แล้วหลาย ๆ ท่านคงจะยังไม่รู้ Ruay จะพาไปเจาะลึกตั้งแต่ท่านเกิด ไปถึงบทสวดพร้อมวิธีบูชาอย่างไรให้เงินทองไหลมาเทมาไม่ขาดมือ
สารบัญ
Toggleประวัติพระสีวลี
ในสมัยพุทธกาล พระสีวลี…เกิดในตระกูลกษัตริย์เป็นโอรสของ พระนางสุปปวาสา ธิดาของพระเจ้ากรุงโกลิย ในขณะที่พระนาง ทรงครรภ์นั้นมีโชคลาภได้รับเครื่องสักการะต่างๆ จากทั่วทิศ…ทุกเช้าเย็น เนื่องด้วยอดีตชาติพระสิวลีได้สร้างกุศลถวายน้ำผึ้งสดแก่พระวิปัสสีพุทธเจ้าพร้อมกับหมู่สงฆ์ อานิสงส์ของการถวายทานแก่พระผู้มีจิตบริสุทธิ์ จึงส่งผลให้ทุกๆชาติที่เกิดมา เป็นผู้สมบูรณ์พร้อมด้วยลาภะมิรู้จักอับจน
แต่ท่านยังก็ต้องทนทุกข์ทรมานอยู่ในครรภ์มารดานานถึง 7 ปี 7 เดือน 7 วัน เทียบเท่ากับเวลาที่ไปล้อมเมืองในอดีตชาติ ชดใช้กรรมและลบเงาบาปที่ก่อไว้อย่างยุติธรรม…ที่เกิดจากเมื่อครั้งในชาติที่จุติ เป็นกษัตริย์ได้ยกทัพไปล้อมเมืองหนึ่งเพื่อชิงราชสมบัติอยู่นานถึง 7 ปี 7 เดือน 7 วัน ทำให้ ชาวเมืองนั้นได้รับความเดือดร้อน อดๆอยากๆ เพราะเสบียงอาหารที่กักตุนไว้หมด
พระมารดาต้องรับทุกขเวทนากับการตั้งครรภ์ที่เนิ่นนาน จึงให้ พระสวามีไปกราบบังคมทูลขอพรจากพระพุทธเจ้า พระองค์ทรงประทานพรตรัสว่า “ขอ พระนางสุปปวาสาจงมีความสุขปราศจากโรคาพยาธิ และให้ ประสูติพระโอรสโดยมิมีโรค เถิด” ด้วยอำนาจแห่งพระพุทธานุภาพทำให้ทุกขเวทนาอันตรธานไป และประสูติพระโอรสได้อย่างง่ายดายดุจน้ำที่ไหลออกจากหม้อ นามว่า “พระสีวลีกุมาร”
อยู่ที่ไหน ลาภสักการะย่อมบังเกิด ที่นั้น
เมื่อเติบใหญ่ จึงได้ขอบรรพชาในสำนักพระสารีบุตร เจ้าสำนักได้เตือน “พระสิวลีกุมาร” ให้ระลึกถึงทุกข์ขณะอยู่ในครรภ์มารดา จึงได้กำหนดจิตพิจารณาและค่อยๆคลายอุปาทานช่วงขณะกำลังปลงผม…พอปลงผมเสร็จก็ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ทันที
เวลาหมู่สงฆ์จะไปยังถิ่นใด “พระบรม ศาสดา” มักจะมีพระดำรัสให้ พา “พระสีวลี” ไปด้วยเสมอ ด้วยอำนาจ บุญฤทธิ์ที่สมบูรณ์ด้วยลาภ มักมีเหตุมหัศจรรย์ หมู่ชนนำข้าวปลาอาหารหลายหลากมากมาย ถวายพระพุทธองค์และหมู่ภิกษุสงฆ์อย่างบริบูรณ์
แม้ในถิ่นทุรกันดาร จึงทำให้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงประกาศยกย่องว่า…เป็น เอตทัคคะ ผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลาย ทั้งทางด้านมีลาภและเจริญด้วยโภคทรัพย์ ทั้งปวง
พุทธคุณผู้ บูชาพระสีวลี
ผู้ที่บูชาพระสีวลีปางธูดงค์ จะบันดาลให้มีโชคมีลาภ ทำอะไรก็ประสบความสำเร็จ คิดหวังสิ่งใดก็จะเป็นตามที่ใจปรารถนา มียศสรรเสริญ มีแต่คนไหว้นับถือ ไม่มีอดอยาก มีข้าวของเงินทองเครื่องใช้พร้อมบริบูรณ์ ชีวิตมีความสุข ถามหาความทุกข์นั้นหาไม่เจอ
ในยามที่มีอันตรายใดๆ ก็จะแคล้วคลาด หรือไม่บุญบารมีของพระสีวลีก็จะช่วยผ่อนสิ่งที่หนักอยู่ให้กลายเป็นเบาลง “แม้แค่เพียงเอ่ยนาม หรือสวดพระคาถารำลึกถึงพระสีวลีด้วยความเลื่อมใส ลาภสักการะก็จักไหลมาสู่บุคคลผู้นั้นราวกับสายน้ำ ความอุดมสมบูรณ์ทั้งปวงก็จะพลันบังเกิดขึ้น”
ให้ บูชาพระสีวลี ด้วย
การบูชาพระสีวลี ให้บูชาด้วยดอกบัว ๕หรือ ๙ดอก หรือใช้พวงมาลัยที่เป็น ดอกกมะลิ ดาวเรือง ใช้ธูปหอม หรือกำยานสามเม็ดก็ได้เป็นกลิ่นหอมเย็นๆ อย่าใช้ธูปหอมสีดำเป็นอันขาดเพราะพระสีวลีเป็นพระอรหันต์ไม่ใช่เทวดา
เมื่อจะบูชาให้เอาพวงมาลัยถวายใส่พาน น้ำเปล่าสะอาด ถวายหน้ารูปเคารพแทนองค์พระสีวลี หรือ เอาดอกบัว ๕ หรือ ๙ ดอก ใส่แจกัน น้ำผึ้ง จะมีเทียนหรือไม่ก็ได้ จุดธูป สามดอก แล้วตั้ง นโมสามจบ กล่าวคำบูชาพระสีวลี
***การถวายผลไม้สด และน้ำผึ้งควรถวายในทุกวันพฤหัสบดี ส่วนวันเสาร์ควรถวายอาหารจากทะเล หรืออาหารที่ปรุงจากต้นบัว แล้วอธิษฐานจิตขอให้โชคสำเร็จ สมหวัง และเมื่อท่านได้โชคได้ลาภสมดังหวังแล้ว จะต้องทำบุญเลี้ยง หรือถวายสังฆทานเพื่อเป็นการต่อโชคลาภให้มาไม่ขาดสาย***
เคล็ดลับวิธีการบูชาพระสิวลี
ต้องเริ่มจากการหมั่นบริจาคทานในที่ๆ ยากลำบาก คือ หัวใจของการบูชาพระสิวลีให้ได้ผลดี เพราะในอดีตทุก ๆ ชาติที่ผ่านมา พระสิวลีท่านจะทำบุญด้วยศรัทธาที่เต็มเปี่ยม ทำบุญด้วยศรัทธาเต็มร้อย แม้ว่าของที่ทำบุญจะราคาไม่แพง แต่ก็เป็นการถวายที่ทรงคุณค่า เพราะเป็นการให้ในสิ่งที่ผู้รับต้องการ ดุจการได้น้ำในทะเลทราย ดุจการได้อาหารในยามหิว
ดังนั้นผู้ที่ต้องการที่จะให้พระสิวลีท่านช่วยควรจะบริจาคทาน ให้สิ่งของในผู้ยากไร้มากๆ ท่านจะได้อานิสงส์บุญมาก และต้องอุทิศบุญนั้นส่งไปให้พระสิวลีทุกครั้ง เป็นการเปิดบุญและเชื่อมบุญกับท่าน เพื่อให้ท่านรู้จักเรา และรับรู้ความต้องการของเราได้
บทสวดบูชาพระสีวลี
ก่อนที่จะทำการสวดบทใด ๆ แล้วนั้นให้ตั้ง นะโม 3 จบก่อนทุกครั้ง
คำอาราธนาพระสีวลี
สีวลี จะ มะหาเถโร เทวะตา นะระปูชิโต โสระโห ปัจจะยาทิมหิ
สีวลี จะ มะหาเถโร ยักขาเทวาภิปูชิโต โสระโห ปัจจะยาทิมหิ
อะหัง วันทามิตัง สะทา สีวลี เถรัสสะ เอตัง คุณัง สวัสติลาภัง ภะวันตุเม ฯ
คำบูชาพระสีวลี (พระฉิม)
อิมินา สักกาเรนะ สีวะลีเถรัง อภิปูชะยามิ
เมื่อบูชาแล้วกำหนดภาวนาในใจว่า
สีวะลี จะ มหาเถโร อินโท พรัมมาจะ ปูชิตัง สัพพะลาภัง ประสิทธิเม
เถรัสสะ อานุภาเวนะ สัพะโสตถี ภะวันตุเม ฯ
(พระสีวลีหรือพระฉิมนี้ มีไว้ประจำบ้าน สถานที่ของตนหรือประจำตัวจะเป็นศิริมงคล เป็นเมตตามหานิยมและป้องกันภัยอันตราย ผู้หมั่นสักการบูชาอยู่เสมอ จะเจริญด้วยลาภ ถ้าไปค้าขายหรือไปหาลาภ ภาวนาคาถาพระฉิมนี้เป็นอารมณ์ไปก็ยิ่งดี)
คำอธิฐานขอลาภจากพระสีวลี (แต่งโดยหลวงพ่อเกษม เขมโก แห่งสุสานไตรลักษณ์ จังหวัดลำปาง )
ตั้ง นะโม 3 จบ แล้วว่า
สิวะ ลีมะหา เถรัง วันทามิหัง (ว่า 3 จบ) แล้วว่า
มะหาสิวะลี เถโร มะหาลาโภ โหติ
มะหาสิวะลี เถโร ลาภัง เม เท ถะ
คาถาบูชาพระสิวลี (หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม จ.ชัยนาท)
สีวะลี จะ มะหาเถโร ปัจจะยะลาภะปูชิโต มะนุสโสเทวะตาอินโท
พระมายะโม ยักขาวา ปิตัสสะ นิรันตะรัง ปะนะ ลาภะ สักการเรอาเน็นติ
นิจจัง สิวะลิดเถรัสสะลาโภจะ สักกาโร โหติ สีวะลีมะหาเถรันจะปูชะกัสสะ
สะทาวาปิ คาถันจะ สังวัดตะนัสสะลาโภจะ สักกาโรโหติเถรัสสะ อานุภาเวนะ
ลาโภเมโหตุสัพพะทาเอเตนะ สัจจะวัดเชนะ ลาโภเมโหตุ สัพพะทาฯ
คาถาบูชาพระสิวลี (แบบย่อ)
“สีวลี จะ มหาเถโร ชัยยะสิทโธ มหิทธิโก เถรัสสะ นุภาเวนะ”
คาถาเวลาไปติดต่อธุรกิจ
“นะ ชาลีติ ปะสิทธิลาภา”
คาถาขอลาภพระสีวลี ( ประจำวัน )
- วันอาทิตย์ (ให้ภาวนา ๖ จบ ) : ฉิมพะลี จะ มหานามัง สัพพะลาภัง ภะวิสสะติ เถรัสสานุภาเวนะ สะทา โหนติ ปิยัง มะมะ ฯ
- วันจันทร์ ( ให้ภาวนา ๑๕ จบ ) : ยัง ยัง ปุริโสวา อิตถีวา ทูเรหิวา สะมีเปหิวา เถรัสสานุภาเวนะ สะทา โหนติ ปิยัง มะมะ ฯ
- วันอังคาร ( ให้ภาวนา ๘ จบ ) : ฉิมพะลี จะมหาเถโร โสะโห ปัจจะยาทิมหิ เชยยะลาโภ มหาลาโภ สัพพะลาภา ภะวันตุ สัพพะทา ฯ
- วันพุธ ( ให้ภาวนา ๑๗ จบ ) : ยัง ยัง ปุริโสวา อิตถีวา ทูเรหิวา สะมีเปหิวา เถรัสสานุภาเวนะ สะทา โหนติ ปิยัง มะมะ ฯ
- วันพฤหัสบดี ( ให้ภาวนา ๑๙ จบ ) : ฉิมพะลี จะ มหาเถโร ยักขาเทวาภิปูชิโต โสระโห ปัจจะยาทิมหิ อะหัง วันทามิ สัพพะทา ฯ
- วันศุกร์ ( ให้ภาวนา ๒๑ จบ ) : ฉิมพะลี จะ มหาเถโร เทวะตานะรปูชิโต โสระโห ปัจจะยาทิมหิ มหาลาภัง กะโรนตุ เม ลาเภนะ อุตตะโม โหติ สัพพะลาภะ ภะวันตุ สัพพะทา ฯ
- วันเสาร์ ( ให้ภาวนา ๑๐ จบ ) : ฉิมพะลี จะ มหานามัง อินทาพรหมา จะ ปูชิตัง สัพพะลาภัง ปะสิทธิ เม เถรัสสานุภาเวนะ สะทา สุขี ปิยัง มะมะ ฯ
**ใครเกิดวันไหนก็ให้ท่องพระคาถาประจำวันนั้นๆ แต่คนโบราณจะนิยมสวดภาวนาทุกวัน โดยสวดตามพระคาถาในวันนั้นๆ เช่น วันจันทร์ก็สวดบทประจำวันจันทร์ วันอังคารก็สวดบทประจำวันอังคาร**
สรุป
คนใดที่ปรารถนาจะมีชีวิตที่รุ่งเรือง มีทรัพย์ที่มาจากกรรมดีของตนเร็วขึ้น มีสติ มีปัญญา ในการแก้ไข ปิดอุปสรรคทั้งปวง และพัฒนาตนเองไปสู่ชีวิตที่ดีขึ้นทุกวัน ควรหมั่นทำ “ธรรมทาน” อย่างต่อเนื่อง เพราะบุญที่ทำนี้ และบุญส่วนอื่นที่เราเพียรทำโดยไม่ย่อท้อจะรวมเป็นมหากุศล เปลี่ยนชีวิตพลิกดวงชะตาได้จริง
(สำหรับคาถาบูชาพระสิวลีนั้น มีครูบาอาจารย์ได้แต่งขึ้นมาบูชาท่านหลายสำนัก กล่าวกันว่าทุกสำนักนั้นถูกต้องหมดทั้งสิ้น เพราะเต็มไปด้วยอักขระที่ทรงพลานุภาพทุกตัวอักษร)