ช่วงนี้กระแสวัดดังเชียงใหม่กลับมาลุกเป็นไฟอีกแล้ว หลังจากที่มีข่าวพระสงฆ์ตั้งวงกินปิ้งย่าง ชาวเน็ตออกมาแสดงความเห็นกันเพียบ!! ว่ากินไม่ชวน โยมก็อยากกินเหมือนกัน แต่ช่วงนี้ติดมาตรการล็อคดาวน์ ทำได้แต่ร้องเพลง “อยากกินหมูกระทะ” ไปก่อน เอาเป็นว่ากินหมูกระทะไม่ได้ไม่เป็นไร วันนี้แอดจะพาทุกท่านไปไหว้พระ วัดพระสิงห์ วัดเก่าแก่คู่เมืองเชียงใหม่ ให้โควิด – 19 หายไป จะได้ไปกินหมูกระทะในเร็ววัน อิอิ
ประวัติวัดพระสิงห์วรมหาวิหาร
“วัดพระสิงห์” หรือที่มีชื่อเต็มว่า “วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร” แรกเริ่มเดิมทีวัดแห่งนี้ชื่อว่า “วัดลีเชียงพระ” เนื่องจากหน้าวัดเป็นท้องสนามประชาราษฎร์ มีการซื้อขายสินค้ากันจนกลายเป็น “ตลาดลีเชียงพระ” โดยคำว่า “ลี” เป็นภาษาล้านนา แปลว่า “ตลาด” คนเชียงใหม่ก็เลยเรียก “วัดลีเชียงพระ” ไปด้วย
ส่วนชื่อ “วัดพระสิงห์” นั้นเกิดขึ้นหลังจากที่พญาแสนเมืองได้อัญเชิญ “พระพุทธสิหิงค์” พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ศิลปะเชียงแสน ที่รู้จักกันในชื่อ “เชียงแสนสิงห์หนึ่ง วัดพระสิงห์ ” มาประดิษฐานไว้ที่วัดแห่งนี้ กอปรกับชาวเหนือส่วนใหญ่นิยมเรียก พระพุทธสิหิงค์ว่า “พระสิงห์” เลยเรียก “วัดพระสิงห์” ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
วัดเก่าแก่คู่เมืองเชียงใหม่แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 1888 โดยพญาผายู กษัตริย์องค์ที่ 5 แห่งราชวงศ์มังราย (พ.ศ. 1879 – 1898 ) สำหรับเป็นที่ประทับของพระมหาอัคญะจุฬเถระ ที่ได้อาราธนามาจากเมืองหริภุญไชย เมืองที่เป็นดั่งศูนย์กลางทางพุทธศาสนาของพื้นที่ภาคเหนือในสมัยนั้น ดังนั้นการได้อาราธนาพระเถระมาที่นี่ ก็เหมือนได้ย้ายศูนย์กลางทางศาสนามายังเชียงใหม่ด้วย
วัดพระสิงห์ จึงถือเป็นวัดเก่าแก่คู่เมืองเชียงใหม่มาหลายร้อยปี และมีสถาปัตยกรรมล้านนางดงามมาก ที่นี่เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวเชียงใหม่และชาวพุทธทั่วประเทศ มีทั้งคนไทยและชาวต่างชาติแวะเวียนมาทำบุญไหว้พระไม่ขาดสาย ซึ่งถ้าใครได้มาที่นี่ในช่วงเทศกาลสงกรานต์หรืองานประเพณีปี๋ใหม่เมือง ก็จะมีโอกาสได้สรงน้ำพระพุทธสิหิงค์ ที่ประดิษฐานบนรถบุษบกแห่ไปรอบเมือง นอกจากนี้แล้วชาวล้านนาเชื่อกันว่า คนเกิดปีมะโรงต้องมาไหว้พระสิงห์ให้ได้สักครั้งหนึ่งในชีวิต
พระพุทธสิหิงค์ พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์
“พระพุทธสิหิงค์” หรือ “พระสิงห์” พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่ประดิษฐานในวิหารลายคำของวัดนั้น เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ ศิลปะแบบลังกา หล่อด้วยสำริดหุ้มทอง สูง 79 เซนติเมตร หน้าตักกว้าง 63 เซนติเมตร
สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 700 โดยพระเจ้าสีหฬะ พระมหากษัตริย์แห่งลังกาทวีป ต่อมาเจ้านครศรีธรรมราชได้ไปทูลขอมาถวายแด่พระร่วง แห่งกรุงสุโขทัย ครั้นสมเด็พระบรมราชาธิราชที่ 1 แห่งกรุงศรีอยุธยาได้กรุงสุโขทัยเป็นเมืองขึ้น จึงได้อัญเชิญพระพุทธสิหิงค์มาประดิษฐาน ที่กรุงศรีอยุธยา หลังจากนั้นก็มีคนนำประดิษฐานไว้ที่เมืองกำแพงเพชรและเชียงราย
กระทั่งพระเจ้าแสนเมือง เจ้านครเชียงใหม่ ได้ยกทัพไปตีเมืองเชียงรายได้ จึงได้อัญเชิญพระพุทธสิหิงค์มาประดิษฐานที่เชียงใหม่พร้อมกับ พระแก้วมรกต แต่อยู่เชียงใหม่ได้ไม่เท่าไหร่ พ.ศ. 2205 สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ยกทัพไปตีเชียงใหม่ และได้อัญเชิญพระพุทธสิหิงค์มาประดิษฐานที่ วัดพระศรีสรรเพชญ์ กรุงศรีอยุธยาด้วย ประดิษฐานอยู่ที่วัดแห่งนี้ถึง 105 ปี
ต่อมาพม่าได้มาตีกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 ใน พ.ศ. 2310 คนเชียงใหม่เลยได้มาอัญเชิญพระพุทธสิหิงค์กลับไปที่เชียงใหม่ เหมือนเดิม แต่เรื่องราวยังไม่จบเพียงเท่านั้น มีครั้งหนึ่งที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท โปรดให้อัญเชิญพระสิงห์มาไว้ที่กรุงเทพมหานคร แต่ไม่สามารถทำได้ ด้วยปัจจัยหลาย ๆ อย่าง พระสิงห์จึงได้อยู่คู่เมืองเชียงใหม่มาจนถึงทุกวันนี้
พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร หรือ พระแก้วมรกต เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ แกะสลักจากหยกอ่อนเนไฟรต์สีเขียวดังมรกต ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือวัดพระแก้ว) กรุงเทพมหานคร
มีหลากหลายมาก เช่น วัดระฆังโฆสิตาราม วัดอรุณราชวราราม วัดโพธิ์ ท่าเตียน ภูเขาทอง วัดสระเกศ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร เป็นต้น
มีแน่นอน วัดร้างเมืองกรุง ได้แก่ วัดคูหาสวรรค์วรวิหาร (วัดศาลาสี่หน้า) วัดหลวงพ่อสุวรรณคีรี วัดดุสิดารามวรวิหาร (วัดเสาประโคน) เป็นต้น
สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ใน วัดพระสิงห์
วิหารลายคำ สถานที่ประดิษฐานพระสิหิงห์
เป็นวิหารที่สร้างตาม แบบศิลปล้านนา บันไดด้านหน้า มีรูปปั้นพญานาค 2 ตัว ใกล้กันมีรูปปั้นสิงห์ 2 ตัว ด้านในวิหารแห่งนี้ ประดิษฐาน “พระพุทธสิหิงค์” พระพุทธรูปคู่เมืองเชียงใหม่และล้านนาลวดลายสีทองบนพื้นสีแดง ที่ได้รับการยกย่องว่างดงามที่สุดในล้านนา วิหารแห่งนี้ค่อนข้างมีเอกลักษณะมาก ผนังรอบ ๆ ไม่มีการเขียนภาพพุทธประวัติหรือชาดกแต่อย่างใด แต่ฝั่งขวากลับเป็นภาพเรื่องสังข์ทอง ส่วนฝั่งซ้ายเป็นเรื่องสุวรรณหงส์
หอไตร
ลักษณะเป็นอาคารครึ่งตึกครึ่งไม้ลายลูกฟักลดบัว ผนังด้านนอกประดับด้วยทวยเทพปูนปั้น ภายในประดับด้วยรูปสัตว์หิมพานต์ เช่น นางเงือกมีปีก คชสีห์มีปีก กิเลน เป็นต้น สร้างจากฝีมือช่างสมัยพระเมืองแก้ว ประมาณ พ.ศ. 2476
โบสถ์
โบสถ์ของวัดพระสิงห์งดงามและมีเอกลักษณ์มาก เป็นอาคารแบบศิลปะล้านนาโดยแท้ ตัวอาคารเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีมุขโถงทั้งด้านหน้าด้านหลัง หน้าต่างขนาดใหญ่ตีเป็นช่องแบบไม้ระแนงให้ดูงดงาม ขณะที่ซุ้มประตูทางเข้า หน้าบันมีลักษณะวงโค้งสองอันเหนือทางเข้าประกบกัน เรียกว่า “คิ้วโก่ง” เหนือคิ้วโก่งเป็น วงกลม สองวงคล้ายดวงตา แปลกไม่เหมือนที่ไหน
การเดินทางไปเที่ยว วัดพระสิงห์
ที่ตั้ง : วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดวรมหาวิหาร ตั้งอยู่ในบริเวณคูเมืองเชียงใหม่ ถนนสามล้าน ตำบลพระสิงห์ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่
สามารถเดินทางไปเที่ยววัดพระสิงห์โดยรถส่วนตัว หรือจะใช้บริการขนส่งสาธารณะ รถเมล์สาย B1 B2 หรือจะเป็นรถแดงก็ได้เช่นเดียวกัน ตัววัดหาไม่ยาก อยู่ภายในแนวกำแพงเมืองเชียงใหม่ฝั่งตะวันตก
เลขเด็ด วัดพระสิงห์
แฟน ๆ Ruay 365 ท่านไหนที่ได้ไปกราบพระสิงห์มาแล้วอยากเสี่ยงโชคซื้อหวยดู ก็สามารถหยิบเลขนำโชควัดพระสิงห์ด้านล่างนี้ไปซื้อหวยออนไลน์เว็บ tode กันได้เลย
- 1888 ปีที่สร้างวัดพระสิงห์
- 676 ปี คือ อายุของวัดพระสิงห์ในปัจจุบัน
- 79 63 คือ ขนาดความสูงและหน้าตักของพระสิหิงส์
- 700 คือ ปีพ.ศ.ที่สร้างพระสิงห์
- 105 คือ จำนวนปีที่พระสิงห์ประดิษฐานอยู่ ณ วัดศรีสรรเพชญ์
ขอบคุณภาพบางส่วนจาก : readthecloud.co
สรุปส่งท้าย
ชาว Ruay ท่านไหนมีแพลนจะไปเที่ยวเชียงใหม่เร็ว ๆ นี้ หรือท่านไหนที่เป็นคนเชียงใหม่อยู่แล้วก็อย่าลืมแวะไปไหว้พระวัดพระสิงห์ โดยเฉพาะคนที่เกิดปีมะโรง เพื่อความเป็นสิริมงคลกับชีวิต ว่ากันว่าองค์พระท่านศักดิ์สิทธิ์มาก ขออะไรท่านให้หมด เพราะเป็นพระพุทธรูปที่เต็มไปด้วยความศรัทธาของชาวเมืองเหนือทุกคนอย่างแท้จริง ไหว้พระสิงห์แล้วก็อย่าลืมไปไหว้พระดอยสุเทพ ไหว้หลวงพ่อทันใจ และวัดเก่าแก่อีกมากมายกันด้วยล่ะ ถือเป็นทริปไหว้พระทางเหนือไปในตัวเลย
บทความที่เกี่ยวข้อง
