“ถ้าท่านมาเที่ยว ถ้ำนาคา ดีๆ ไม่ได้ ก็โปรดอย่ามาเลยดีกว่า!” คำประกาศจากคุณท็อป วราวุธ ศิลปะอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หลังทนไม่ได้จากการที่เห็นภาพคนมือบอน เขียนข้อความไม่เหมาะสมไว้บนหินภายใน ถ้ำนาคา สถานที่ท่องเที่ยวสุด Unseen ที่ลักษณะทางธรณีวิทยามีหินและผนังถ้ำที่ดูคล้ายเกล็ดพญานาคที่นอนขดตัวอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติภูลังกา อ.บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ จนกลายเป็นแหล่งขอโชคลาภ ขอลาภแห่งใหม่ของผู้เลื่อมใสศรัทธาใน พญานาค
จากข้อความข้างต้น ที่รัฐมนตรีกระทรวงทรัพฯ สั่งปิดห้ามเข้าถ้ำนาคา ไม่มีกำหนด ทำให้ให้เกิดข้อสงสัยว่า ทำไม? ท่านรัฐมนตรีถึงเดือดดาน ไม่สบอารมณ์ขนาดนั้น แล้วถ้ำนาคามีความสำคัญต่อประเทศเราอย่างไร มาทางนี้ มาจับจ้องหน้าจอแล้วไปหาคำตอบพร้อมกัน
สารบัญ
Toggleประวัติถ้ำนาคา ภูลังกา
ถ้ำนาคา เป็นถ้ำหินขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติภูลังกา อ.บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ และอยู่ใกล้กับวัดถ้ำชัยมงคล หากต้องการขึ้นไปเที่ยวต้องเดินขึ้นบันไดกว่า 1,400 ขั้น ถึงจะไปถึงที่หมาย โดยสาเหตุที่ถ้ำแห่งนี้ มีชื่อเรียกว่า ถ้ำนาคา หรือ ถ้ำพญานาค เป็นเพราะตัวหินและผนังถ้ำล้วนมีรูปทรงคล้ายพญานาคนอนขดตัว
โดยเฉพาะหิน ที่มีลักษณะคล้ายๆ กับเกล็ดงูขนาดใหญ่ ประดับอยู่เต็มบริเวณ ประกอบกับมีมอสสีเขียวปกคลุม ดูสวยงาม แต่ก็น่าพิศวงยิ่งนัก แถมบริเวณที่ไม่ไกลจากตัวถ้ำมีก้อนหินที่มีลักษณะเหมือนหัวงงูยักษ์ตกอยู่ด้วย
ด้วยเหตุนี้จึงมีเรื่องเล่าตำนานถ้ำนาคา เชื่อมโยงกับความเชื่อที่ว่า ถ้ำนาคา คือ พญานาค ที่ถูกสาปให้กลายเป็นหิน โดย “อือลือราชา” หรือ “ปู่อือลือ” เจ้านครบาดาล ไม่พอใจบริวารซึ่งเป็นพญานาคไปสมสู่กับมนุษย์ จึงบันดาลโทสะสาปให้เป็นหินดังกล่าว ขณะเดียวกันตำนานยังเล่าต่อว่า บริเวณ อ.บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ เป็นดินแดนบาดาลที่มนุษย์และพญานาคสามารถอาศัยอยู่ร่วมกันได้ ก่อนกลายถ้ำนาคา หรือ ถ้ำพญานาค อยู่บนอุทยานแห่งชาติภูลังกาอย่างที่เห็นในปัจจุบัน
ถ้ำนาคา กับความพิศวงน่าพิสูจน์
แน่นอนด้วยรูปลักษณ์ของถ้ำนาคา ที่มีลักษณะแปลกไม่เหมือนถ้ำอื่นๆ ตรงที่มีหินคล้ายงูยักษ์นอนขดทอดยาวอยู่ จะดึงดูดนักท่องเที่ยวให้อยากเข้าไปเยี่ยมชม และสัมผัสความพิศวงของธรรมชาติแล้ว ยังมีอีกหลายเรื่องที่นักท่องเที่ยวจะได้พิสูจน์ เมื่อมีโอกาสได้มาเยี่ยมเยียนถ้ำนาคา อาทิ
- พิสูจน์ตำนานพญานาค
- พิสูจน์ความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ
- พิสูจน์ความศักดิ์สิทธิ์
- พิสูจน์ความงามธรรมชาติ
- พิสูจน์จิตใจของตัวเอง
พิสูจน์ตำนานพญานาค
อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้น อ.บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ ในตำนานเคยเป็นเมืองบาดาลมาก่อน และมีพญานาคถูกสาปไว้ ทำให้ตำนานเกี่ยวกับเรื่องนี้มีเค้าโครงจะเป็นเรื่องจริง เพราะหลักฐานชิ้นสำคัญนั่นก็คือผนังถ้ำนาคาที่มีเกล็ดคล้ายงู และยังมีรอยโค้งเว้าทำให้ดูเหมือนขนดงูที่นอนขดอยู่จริงๆ อีกทั้งยังมีก้อนหินลักษณะคล้ายงูตกอยู่ไม่ไกลจากตัวถ้ำนั่นเอง
พิสูจน์ความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ
จะว่าไปอาจฟังดูง่ายไปหน่อย ถ้าจะฟันธงว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริงตามตำนานที่เล่าขานถึงเมืองบาดาล และพญานาค แต่หากดูตามหลักธรณีวิทยา ก็ทำให้ทราบว่าการปรากฏตัวของหินคล้ายงูยักษ์ในครั้งนี้ สามารถเกิดขึ้นได้ตามธรรมชาติ จากบันทึกของนักธรณีวิทยา ว่าไว้ว่า ตัวถ้ำนาคา หรือส่วนที่เป็นลำตัวพญานาค เกิดจากการยกตัวของแผ่นดิน (Tectonic uplift) ในภาคอีสาน
ทำให้เกิด “รอยเว้าผนังถ้ำ (cave notch)” ที่มีลักษณะโค้งนูนออกมา และคั่นสลับด้วยผนังหินที่โค้งเว้าเข้าไป จากนั้นเกิดการกัดเซาะที่เป็นวัฏจักร (Cyclic Erosion) ในยุคน้ำแข็งสลับกับยุคโลกร้อนที่เกิดเป็นวงรอบประมาณทุกๆ 1 แสนปี
ส่วนหินที่ดูคล้ายเกล็ดพญานาค เกิดจากการขยายตัวและหดตัวของผิวหน้าของหิน ซึ่งเรียกกระบวนการนี้ว่า “ซันแครก” (Sun Cracks) โดยจะเกิดขึ้นเป็นวัฏจักรสลับปรับเปลี่ยนระหว่างความร้อนจากแสงแดดในช่วงกลางวันกับความเย็นในช่วงกลางคืน
กระบวนการนี้จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นเวลาที่ยาวนานนับแสนปีหรือนานกว่านั้น จนพื้นผิวของหินแตกเป็นลายคล้ายเกล็ดพญานาคหรืองูยักษ์ดังที่เห็น ส่วนบริเวณที่คิดว่าเป็นหัวงูนั้น เป็นหินก้อนใหญ่หินที่แตกหล่นมาจากหน้าผา โดยบริเวณส่วนหัวมีลวดลายเป็นรอยแตกของผิวหน้าของหินแบบซันแครก ที่ดูคล้ายผิวหนังของงูยักษ์เช่นกัน
พิสูจน์ความศักดิ์สิทธิ์
แม้จะมีหลักฐานยืนยันชัดว่า ถ้ำแห่งนี้เกิดขึ้นตามธรรมชาติ แต่ก็มีหลายคนเชื่อว่าถ้ำแห่งนี้เกิดขึ้นเหมือนกับตำนานถ้ำนาคาจริงๆ บวกกับในอดีตเคยมีพระสงฆ์อย่าง ครูบาวัง ฐิติสาโร พระป่านักปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐาน ศิษย์หลวงปู่เสาร์ กันตสีโล ที่มีความเคร่งครัดในพระธรรมวินัยมาจำพรรษาอยู่ จึงทำให้สถานที่นี้อุดมไปด้วยความขลัง แถมบริเวณนี้ เป็นแหล่งอยู่อาศัยของงูจงอาง และงูเห่าชุกซุม นอกจากนี้ ยังมี หมู่ป่า ค่างบ่างชะนี กล้วยไม้ป่า ทำให้ตำนานเรื่องเล่าเกี่ยวกับถ้ำแห่งนี้น่าเชื่อถือขึ้นกว่าเดิม
ยิ่งมีคนดังอย่าง “มดดํา คชาภา” พิธีกรชื่อดัง พร้อมด้วยดารานักแสดง แจ๊ค แฟนฉัน ,ดีเจเชาเชา , น็อต วรฤทธิ์, ซัน ประชากร เดินทางไป “ถ้ำนาคา” อุทยานแห่งชาติภูลังกา หลังเสร็จพิธีบวงสรวงตำหนักปู่อือลือนาคราช อ.บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ ก็เพิ่มความศักดิ์สิทธิ์ให้สถานที่แห่งนี้ขึ้นไปอีก เพราะระหว่างที่พิธีกรคนดังนั่งถ่ายรูปเป็นที่ระลึกภายในถ้ำนั้น มีคนสังเกตเห็นเงาพญานาคติดมากับรูปถ่ายด้วย เมื่อใครเห็นต่างออกอาการขนลุกไปตามๆ กัน ไม่เชื่อก็ย้อนไปดูภาพด้านล่างนี้ได้
พิสูจน์ความงามธรรมชาติ
อุทยานแห่งชาติภูลังกา นอกจากจะมีถ้ำนาคา เป็นแลนด์มาร์คที่สำคัญแล้ว บริเวณโดยรอบยังมีที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจเช่นกัน อาทิ ถ้ำหลวงปู่วัง, เจดีย์หลวงปู่วัง” สถานที่เคยเป็นที่จำพรรษา และที่บรรจุอัฐิธาตุของหลวงปู่วัง ฐิติสาโร พระป่านักปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐาน ศิษย์หลวงปู่เสาร์ กันตสีโล ที่ได้กล่าวมาข้างต้น และมรณภาพไปตั้งแต่ พ.ศ.2496 องค์เจดีย์ตั้งอยู่บนลานหินทรายขนาดใหญ่ มีบันไดสูงให้เดินขึ้นไปกราบสักการะ
อีกทั้งยังมี “เจดีย์หลวงปู่เสาร์” ซึ่งเป็นอาจารย์ของหลวงปู่วัง อีกทั้งยังอยู่ใกล้กับ “ผาใจขาด” หน้าผาสูงชันที่เป็นจุดชมวิวทิวทัศน์โดยรอบ โดยเป็นจุดชมวิวดูพระอาทิตย์ตกมองเห็นบึงโขงหลงได้อย่างงดงาม และไกลออกไปอีกราว 2 ก.ม. ก็ยังมี “เจดีย์กองข้าวศรีบุญเนาว์” หรือพระธาตุภูลังกา ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของภูลังกา
นอกจากนี้ยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติถ้ำนาคา-น้ำตกตาดวิมานทิพย์ ไว้ให้นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการเดินป่า ดื่มด่ำชื่นชมความมหัศจรรย์และความสวยงามของธรรมชาติบนภูลังกาที่ “ถ้ำนาคา” แห่งนี้ด้วย
พิสูจน์จิตใจตัวเอง
การพิสูจน์หัวจิตหัวใจของตัวเองครั้งนี้ มาจากการเดินทางไปยังถ้ำนาคา เพราะเส้นทางกว่าจะไปถึงนั้น ต้องใช้เวลานานหลายชั่วโมง ทำให้บางคนถอดใจขอบ๊ายบายไม่เอาแล้วตั้งแต่ไม่ถึงครึ่งทาง แม้ว่าจะมีทางลัดให้ขึ้นไปได้ แต่ความสูงชันของบันไดที่มีถึง 1,400 ขั้นนั้นก็ไม่ธรรมดา คนที่กลัวความสูงอาจจะขาสั่น เป็นลมได้เมื่อมองลงมาด้านล่าง ดังนั้นคนที่พร้อมมีจิตใจเข้มแข็งเต็มเปี่ยมไปด้วยศรัทธาแน่วแน่เท่านั้น ไม่ว่าจะไกล หรือสูงสักแค่ไหน จุดหมายอย่างถ้ำนาคาก็เหมือนอยู่ใกล้แค่ปลายจมูก
ยิ่งถ้าหากจะอยากเดินชมความงามให้ครบทุกจุดของภูลังกา น่าจะใช้เวลาราว2-3 ชั่วโมง ไม่นับรวมเวลาเดินขึ้นและเดินไปเจดีย์กองข้าวศรีบุญเนาว์) หรืออาจนานกว่านั้น ถ้ารวมเวลาถ่ายรูป ดังนั้นใครที่คิดอยากไปเที่ยวยังสถานที่ระดับตำนานในครั้งนี้ ควรเตรียมตัว และเตรียมใจให้พร้อม เพื่อจะได้สัมผัสความงาม และความมหัศจรรย์ที่ธรรมชาติได้สรรค์สร้างขึ้นอย่างภูลังกา
ลากยาวมาถึงตรงนี้ คงรู้แล้วว่าทำไม? ท่านรัฐมนตรีถึโกรธจัด ควันออกหู จนต้องประกาศปิดถ้ำนาคาไม่มีกำหนด นั่นเพราะกว่าธรรมชาติ จะรังสรรค์ให้ถ้ำแห่งนี้มีรูปร่างสุดอัศจรรย์ ต้องใช้เวลาเป็นแสนๆ ปี แต่กลับมาถูกทำลายลง ด้วยความคึกคะนอง และความละโมบโลภมากอยากได้โชคอยากได้ของดี ของคนไม่กี่คน จนได้ภาพน่าเศร้าออกมาอย่างที่เห็น
ถ้ำพญานาค ไม่ได้มีแค่ถ้ำนาคา
ถ้าเข้าใจว่าถ้ำพญานาคมีแค่ที่ภูลังกา บอกเลยเข้าใจผิดอย่างแรง เพราะถ้ำพญานาคยังมีอีกหลายที่ในพื้นที่ภาคอีสาน อาทิ
ถ้ำดินเพียง จังหวัดหนองคาย
ถ้ำดินเพียง หรือ วัดถ้ำศรีมงคล ตั้งอยู่ที่ ตำบลผาตั้ง จังหวัดหนองคาย ที่แห่งนี้เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่ง Unseen ของจังหวัดหนองคาย เพราะสถานที่ที่มีตำนานลี้ลับเกี่ยวกับเมืองใต้บาดาลของพญานาคราช เล่ากันมาปากต่อปากเป็นเวลานาน
จะแตกต่างจากถ้ำนาคา ก็คือ ถ้ำแห่งนี้เป็นเส้นทางผ่านของธิดาพญานาค ที่เคยหลงรักเจ้าชายเมืองมนุษย์ แต่เมื่อถึงวันออกพรรษา นางก็ต้องกลับสู่เมืองบาดาล เพื่อไปเล่นน้ำกับพวกพ้องพญานาค เจ้าชายเกิดสงสัยจึงแอบตามมาดูและพบความจริงว่านางไม่ใช่มนุษย์ จึงตัดขาดความสัมพันธ์กันที่ถ้ำแห่งนี้
เพราะตัวถ้ำเกิดจากการกัดเซาะของดิน ทำให้เกิดช่องทางคดเคี้ยวจนสามารถทะลุหากันได้ บ้างก็เชื่อว่าเส้นทางนี้คล้ายกับการเลื้อยของพญานาค บ้างก็คิดว่าเป็นเส้นทางที่พญานาคใช้เดินทางไปมาระหว่างลำน้ำโขงของหนองคายและเวียงจันทร์
สำหรับสภาพภายในตัวถ้ำค่อนข้างแคบและมีอากาศน้อย ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่สุขภาพไม่ค่อยแข็งแรง กลัวที่แคบ และไม่ชอบกิจกรรมแบบลุย แต่สำหรับใครที่ชอบอะไรที่แปลกใหม่และชอบความท้าทาย แนะนำว่าควรลองไปที่ถ้ำเพียงดิน จังหวัดหนองคาย สักครั้งในชีวิต โดยเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.00 – 15.30 น.
การเดินทาง : จากจังหวัดหนองคายไปตามทางหลวงหมายเลข 211 เรียบแม่น้ำโขง ระยะทางประมาณ 96 กิโลเมตร ถึงบ้านดงต้อง ตำบลผาตั้ง จะมีป้ายทางซ้ายมือบอกเส้นทางไปวัดถ้ำศรีมงคล 14 กิโลเมตร
คำแนะนำ : ก่อนเข้าถ้ำให้จุดธูปของอนุญาตก่อน ห้ามใส่รองเท้าเข้าถ้ำ เข้าถ้ำแล้วห้ามบ้วนน้ำลาย ห้ามปัสสาวะ และห้ามส่งเสียงดัง เป็นต้น รวมถึงทุกคณะต้องมีไกด์นำทาง ห้ามเข้าไปเองโดยเด็ดขาด ซึ่งจุดที่ไกด์นำชมนั้นมีชื่อเรียกว่า “ศาลาพันห้อง” แบ่งออกเป็น 8 ห้อง บางห้องสามารถสักการบูชาอธิษฐานขอพรได้
ป่าคำชะโนด จังหวัดอุดรธานี
หากพูดถึงที่ขอหวยแล้วล่ะก็ ต้องที่นี่เลย! ป่าคำชะโนด เพราะเป็นที่รู้จักกันดี เป็นตำนานแห่งการให้หวยมาอย่างยาวนานพร้อมตำนานเกี่ยวกับชาวบาดาล เมืองพญานาค โดยเชื่อว่าป่าคำชะโนดเป็นสถานที่เชื่อมต่อระหว่างโลกบาดาลและโลกมนุษย์ ป่าคำชะโนดเหมาะกับคนทุกเพศทุกวัย เพราะว่าการเดินทางไม่ลำบากเท่าไหร่ แต่ให้ระวังในช่วงวันก่อนหวยออกและวันหลังหวยออกนะคะ เพราะคนจะเยอะมากกกก ชนิดที่ว่าล้นวัดเลยก็ว่าได้
เชื่อกันว่า ณ ป่าคำชะโนดแห่งนี้ ถูกปกครองโดย พญานาคราชปู่ศรีสุทโธ และ องค์แม่ศรีปทุมมานาคราชเทวี หรือชื่อที่ชาวบ้านมักเรียกกันว่า “จ้าวปู่ศรีสุทโธ” และ “จ้าวย่าศรีปทุมมา” ซึ่งจ้าวปู่ศรีสุทโธ จะมีวรกายสีเขียวมรกต มีเศียรสีทอง แผลงเศียรได้ 9 เศียร ส่วนจ้าวย่าศรีปทุมมาผู้เป็นพระชายา แผลงเศียรได้ 5 เศียร โดยศาลของจ้าวปู่จะอยู่ด้านในของป่าคำชะโนด มีผู้คนมากมายจากทั่วทุกสารทิศแห่กันเข้ามากราบไหว้ทุกวันแบบไม่ขาดสาย
อีกหนึ่งไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาด นั่นก็คือ “บ่อคำชะโนด” บ่อน้ำแห่งนี้มีน้ำที่มาจากใต้ดินไหลอยู่ตลอดทั้งปี ระดับน้ำไม่เคยลดลงหรือเพิ่มขึ้นเลย ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นประตูที่เชื่อมไปสู่เมืองบาดาล คนที่มาที่นี่มักจะโยนเหรียญเงินลงไป แล้วทำการอธิษฐาน บ้างก็เอามาดื่มกินและอาบน้ำ
เพราะเชื่อว่าน้ำนี้สามารถช่วยในการรักษาโรคได้ บางคนก็กรอกใส่ขวดเพื่อนำไปสักการะ เป็นสิริมงคลแก่ชีวิต แต่ปัจจุบันทางวัดได้ห้ามให้มีการโยนเหรียญลงไปในบ่อแล้ว เพื่อเป็นการรักษาความสะอาดของน้ำ หากผู้มีจิตศรัทธาสนใจไปสักการะ วัดป่าคำชะโนดเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.00-18.00 น.
การเดินทาง : ห่างจากอำเภอเมืองอุดรธานีประมาณ 101 กิโลเมตร โดยใช้เส้นทางอุดรธานี – สกลนคร แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าทางอำเภอบ้านดุง 93 กิโลเมตร ห่างจากอำเภอบ้านดุง 17 กิโลเมตรจึงถึงป่าคำชะโนด
คำแนะนำ สำหรับการไปวัดป่าคำชะโนด:
- ไม่จุดธูปเทียนบูชาในป่าคำชะโนด
- ให้นำพานบายศรีหรือเครื่องเซ่นไหว้กลับ เพื่อเป็นการลดขยะ
- ไม่โยนเหรียญลงบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์
- งดปล่อยปลาและสัตว์น้ำลงไปในแหล่งน้ำ
- ไม่ผูกผ้าแพร 7 สี
- ไม่ทาแป้งหรือขัดถูต้นไม้
ถ้ำน้ำเขาศิวะ จังหวัดสระแก้ว
ถ้ำน้ำเขาศิวะ เป็นถ้ำที่ตามตำนานเชื่อว่าเป็นถ้ำพญานาค ตั้งอยู่ที่บ้านเขาจันทร์แดง อำเภอคลองหาด จังหวัดสระแก้ว ระหว่างเทือกเขากกมะม่วงและเทือกเขาตาง๊อก ซึ่งเป็นเทือกเขาใกล้ชายแดนไทย-กัมพูชา ภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อยที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติอย่างสวยงาม เมื่อเข้าไปข้างในถ้ำ จะพบเส้นทางน้ำไหลไปตลอดเส้นทางสมกับชื่อ “ถ้ำน้ำ”
ตำนานของถ้ำแห่งนี้เกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2527 จากการที่ชาวบ้านได้เข้าไปหาปลาบึกและพบเข้ากับสิ่งมีชีวิตที่มีลำตัวสีแดงแหวกว่ายอยู่ภายในถ้ำ บริเวณดังกล่าวเรียกว่า “หยดน้ำทิพย์” ซึ่งเป็นจุดที่มีน้ำหยดลงมา โดยจะมีผู้ที่เข้ามาเพื่อนำน้ำในจุดนี้ไปประกอบพิธีศักดิ์สิทธิ์ด้วย
อีกทั้งยังเชื่อว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่มีพญานาคอาศัยอยู่ ชาวบ้านจึงตั้งศาลขึ้นและให้ชื่อว่า “ศาลปู่นาคา” ด้วยความงดงามของถ้ำทำให้ได้รับความสนใจจากผู้ที่รักในการผจญภัย และพัฒนามาเป็นแหล่งท่องเที่ยวในเวลาต่อมา จุดไฮไลท์ของที่นี่คือ “หินหน้าพระศิวะ”โดยเป็นหินที่งอกลงมาจากผนังถ้ำเมื่อส่องไฟแล้วจะเห็นเงาเป็นลักษณะหน้าคนหันข้าง และบริเวณ “น้ำตก” ในถ้ำช่วงสุดท้ายจะมีน้ำตกเล็กๆ ในช่วงระหว่างทางเดินซึ่งสวยงามเป็นอย่างมาก
แม้ว่าสถานที่แห่งนี้จะสวยงามและน่าตื่นเต้นเป็นอย่างมากสำหรับคนที่รักการผจญภัย แต่ไม่เหมาะสำหรับคนที่ไม่ต้องการให้ตัวเปียก เพราะต้องลุยน้ำตลอดเวลา และไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ชอบที่แคบ แต่สำหรับคนลุยๆ รับรองว่างานนี้มีติดใจมากซ้ำสองแน่นอน
สำหรับถ้ำแห่งนี้ เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00-16.00 น. หากสนใจเยี่ยมชมสามารถการเดินทาง : จากตัวเมืองจังหวัดสระแก้ว แล้วใช้ถนนทางหลวงหมายเลข 317 เลี้ยวซ้ายตรงทางแยกตัดเข้าถนนทางหลวงหมายเลข 3067 จากนั้นเลี้ยวขวาตัดเข้าถนนทางหลวงหมายเลข 3395 ตรงไปประมาณ 15 กิโลเมตร จะพบสามแยก และเลี้ยวซ้ายตรงไปอีกประมาณ 3 กิโลเมตรก็จะถึงทางเข้า “ถ้ำเขาน้ำศิวะ”
คำแนะนำ : ใครที่คิดจะมาเที่ยวที่ถ้ำน้ำเขาศิวะให้แต่งกายแบบพร้อมลุย ไม่เน้นสวย เพราะการเข้าชมภายในถ้ำน้ำเขาศิวะค่อนข้างลำบาก ต้องติดต่อที่ว่าการอำเภอคลองหาด ในการจัดหาคนนำทางและอุปกรณ์ต่างๆ เช่น ชูชีพ ไฟนำทาง ห่วงยาง ค่าบริการ 200 บาท โทร.0-3751-2241
สรุปส่งท้าย ขอให้องค์พญานาคราช ให้โชค คุ้มครอง ทุกท่าน เพี้ยง!
หลังจากที่มีการค้นพบถ้ำนาคาที่จังหวัดบึงกาฬ โดยนักธรณีวิทยา ก็มีผู้คนจากทั่วทั้งประเทศไทยแห่เข้ามาเยี่ยมชมเป็นจำนวนมาก เนื่องมาจากตัวหินที่ถ้ำนาคา มีลักษณะคล้ายกับหัวและลำตัวของพญานาค อีกทั้งยังมีตำนานเกี่ยวกับพญานาคที่ถูกสาปให้กลายเป็นหิน พอได้ยินแบบนี้แล้ว เชื่อว่าคอหวยทั้งหลายต้องเตรียมเก็บกระเป๋าพร้อมไปที่บึงกาฬแล้วแน่นอน
แต่ช้าก่อนนนน…! ตอนนี้เขาได้ปิดให้เข้าใช้ชั่วคราวแล้ว เนื่องมาจากว่ามีนักท่องเที่ยวมือบอนบางคนเอามือไปลูบไล้และพยายามขูดขีดลงบนตัวหิน ทำให้เกิดความเสียหายขึ้น อีกทั้งยังมีนักท่องเที่ยวบางประเภทที่ไม่มีจิตสำนึกทำการทิ้งขยะไว้เรี่ยราดอีกด้วย แต่ถ้าอยากไปเยี่ยมชมถ้ำพญานาคอื่นๆ ในประเทศไทยก็มีเช่นกัน แต่อย่าลืม! ไปแล้วช่วยรักษาให้มันคงอยุ่ อย่าริไปทำลายเหมือนถ้ำนาคา ไม่อย่างนั้นเราอาจจะไม่ได้เข้าไปเยี่ยมชมถ้ำพญานาคอีกเป็นแน่
ใครที่อยากติดตามบทความดีๆ มีให้อัพเดตกันเรื่อยๆ ทุกวัน สามารถเข้ามาดูกันได้ที่นี่ ที่ Ruay365 เว็บไซต์สำหรับทุกท่านที่สนใจในเรื่องของหวย เลขเด็ด สิ่งศักดิ์สิทธิ์ มีเสิร์ฟพร้อมให้ทุกท่านแล้วแบบครบครัน
บทความที่เกี่ยวข้อง