เมื่อคืนวันที่ 6 ตุลาคม 2563 สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ เผยภาพ “ดาวอังคารใกล้โลก” ที่สุดในระยะทางประมาณ 62 ล้านกิโลเมตร ณ จุดสังเกตการณ์หลัก 4 แห่ง เชียงใหม่ นครราชสีมา ฉะเชิงเทรา และสงขลา ทำให้มีประชาชนแห่ชมกันผ่านกล้องโทรทรรศน์และยกโทรศัพท์มือถือกันอย่างคึกคัก
สำหรับผู้ที่พลาดโอกาสชมดาวอังคารไม่ต้องเสียใจไป เพราะ “ดาวอังคาร” จะโคจรมาให้มองเห็นอีกครั้ง แบบเห็นชัดด้วยตาเปล่า ในวันพุธที่ 14 ตุลาคม 2563 นี้ ระยะห่างจากโลกประมาณ 62.7 ล้านกิโลเมตร โดยครั้งนี้จะไปอยู่ในตำแหน่งตรงข้าม “ดวงอาทิตย์” ที่สามารถสังเกตการณ์ดาวอังคารสุกสว่างสีส้มแดงชัดได้ตลอดทั้งคืน ตั้งแต่ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าทางทิศตะวันออก จนถึงรุ่งเช้าของวันถัดไป
สำหรับกิจกรรมสังเกตการณ์ดาวอังคาร (ผ่านกล้องโทรทรรศน์) ในวันพุธที่ 14 ตุลาคม 2563 เวลา 18.00 น. – 22.00 น. มีขึ้นที่ 4 จุดหลักตามจังหวัดและสถานที่ ดังนีั
- เชียงใหม่ : อุทยานดาราศาสตร์ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ โทร. 081-885-4353
- นครราชสีมา : หอดูดาวเฉลิมพระเกียรติฯ นครราชสีมา โทร. 086-429-1489
- ฉะเชิงเทรา : หอดูดาวเฉลิมพระเกียรติฯ ฉะเชิงเทรา โทร. 038-589-395
- สงขลา : หอดูดาวเฉลิมพระเกียรติฯ สงขลา โทร. 095-145-0411
บอกคำเดียวว่าครั้งนี้ห้ามพลาด!! เพราะดาวอังคารจะมาเข้าโลกแค่ทุก ๆ 2 ปีเท่านั้น ใครที่อยู่ใกล้เคียงกับสถานที่ดังกล่าว สามารถเดินทางไปชมกันได้ หรือใครไม่สะดวกเดินทางไปก็สามารถเฝ้ามองปรากฏการณ์โลกสวยของดาวอังคารที่จะสุกสกาวตลอดคืนอยู่ที่บ้านของคุณเองได้ แล้วอย่าลืมรีบยกมือขึ้นอธิษฐานขอพรกันล่ะ
สารบัญ
Toggleทำความรู้จักปรากฏการณ์ ดาวอังคารใกล้โลก
ดาวอังคาร (Mar) เป็นดาวเคราะห์ลำดับที่ 4 ในระบบสุริยะ มีสีแดงเนื่องจากพื้นผิวปกคลุมไปด้วยฝุ่นของสนิมเหล็ก นักดาราศาสตร์เชื่อว่า ในอดีตดาวอังคารอาจเคยมีสภาพที่เอื้อต่อการอยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิต และเป็นเป้าหมายถัดที่มนุษย์ต้องการจะพิชิต
อีกทั้งดาวอังคารจะโคจรรอบดวงอาทิตย์ด้วยคาบ 687 วัน ในขณะที่โลกโลจรด้วยคาบ 365.25 วัน หมายถึง ดวงอาทิตย์ โลก และดาวอังคารจะเรียงตัวอยู่ในเส้นเดียวกัน เมื่อดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าทางทิศตะวันตก ดาวอังคารจะโผล่ขึ้นจากขอบฟ้าทางทิศตะวันออกพอดี
ดังนั้นดาวอังคารและโลกจะโคจรมาอยู่ในตำแหน่งใกล้ ๆ กันในทุก 2 ปี ทำให้สามารถสังเกตการณ์ดาวอังคารได้ตลอดทั้งคืนจนรุ่งเช้าของวันถัดไป ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 14 ตุลาคม 2563 นี้นั่นเอง
ความเชื่อ “ดาวอังคาร”
เมื่อพูดในด้านวิทยาศาสตร์กันไปแล้ว เรามาพูดถึงตาม “หลักโหราศาตร์” กันบ้าง โดยในทางโหราศาตร์นั้นเป็นระบบความเชื่อต่าง ๆ ที่ถือว่า ปรากฏการณ์ในท้องฟ้าสัมพันธ์กับเหตุการณ์และบุคลิกภาพในโลกมนุษย์ โดยอาศัย วัน เดือน ปี และยามเวลาเกิด เทียบเข้ากับหลักการของ “ดาวเคราะห์” เป็นมูลฐานในการทำนายด้านต่าง ๆ รวมถึงดวงเหตุการณ์บ้านเมือง
และเมื่อกล่าวถึงการที่ ดาวอังคารจะโคจรอยู่ในตำแหน่งตรงข้ามกับดวงอาทิตย์นั้น ก็สามารถเชื่อมโยงไปกับอีกหนึ่งปรากฏการณ์ความงามของธรรมชาติอย่าง “พระอาทิตย์ทรงกลด” ที่เรานั้นอาจได้ยินข่าวพระอาทิตย์ทรงกลดปรากฏขึ้นได้อยู่บ่อย ๆ
ซึ่งทุกครั้งที่เกิดพระอาทิตย์ทรงกลดขึ้น ก็จะมีเสียงพูดกันปากต่อปากกันว่า วันนี้เป็นวันดี เป็นลางดี โดยความเชื่อคู่สังคมไทยนี้มีเรื่องราวเป็นอย่างไร Ruay365.com จะพาไปทำความรู้กัน
เผยเรื่องราวความเชื่อ พระอาทิตย์ทรงกลด ลางบอกเหตุความโชคดี
ปรากฏการณ์ “พระอาทิตย์ทรงกลด” มีลักษณะเป็นภาพสะท้อนพระอาทิตย์หลาย ๆ ดวงซ้อนกัน มีขนาดโตกว่าปกติ มีรัศมีสีรุ้งโดยรอบ ดวงที่อยู่ตรงกลางมีความสดใสมากที่สุด ซึ่งดูแล้วเป็นภาพที่งดงามไม่น้อยเลยทีเดียว
โดยปกติแล้วพระอาทิตย์ทรงกลดเกิดขึ้นได้บ่อย แม้ว่าจะเราไม่สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้ แต่ก็ทราบว่าส่วนใหญ่มักพบมากในปีที่มีฝนหลงฤดู หรือช่วงปลายฝนต้นหนาว (เดือนตุลาคม – พฤศจิกายน) เพราะในช่วงนั้นอากาศจะมีความชื้นมาก มีละอองน้ำในชั้นบรรยากาศมาก ทำให้เกิดปรากฏการณ์พระอาทิตย์ทรงกลดขึ้นได้
ในความเชื่อของคนไทยปรากฏการณ์นี้ก็มักจะถูกโยงไปเข้ากับเหตุการณ์บ้านเมืองในขณะนั้นเสมอ เนื่องจากเรานับถือดวงอาทิตย์เป็นเทวดาเบื้องบนองค์หนึ่ง สังเกตจากการเรียกนำหน้าว่า “พระ”
ส่วนกลดก็ถือเป็นของสูงสำหรับพระ เช่น กลดของพระธุดงค์ ปรากฏการณ์นี้จึงเปรียบได้กับกลดของพระที่กำลังถูกล้อมรอบไว้ด้วยแสงของดวงอาทิตย์ไว้นั่นเอง จึงถือเป็นเรื่องของความศักดิ์สิทธิ์ เป็น “มหิธานุภาพ” ของดวงอาทิตย์ มีความหมายในทางที่ดี มีมงคลแก่ทุกคนบนโลก เป็นแสงแห่งชัยชนะ จะช่วยให้บ้านเมืองหรือสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนั้นผ่านพ้นวิกฤตได้ ซึ่งความเชื่อเหล่านี้มีมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว
อย่างไรก็ดี ปรากฏการณ์พระอาทิตย์ทรงกลดก็ถือเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้ตามธรรมชาติ และทุกพื้นที่ทั่วโลกก็มีโอกาสได้สัมผัสความงดงามของปรากฏการณ์ธรรมชาตินี้เช่นกัน
ศาสตร์ลับ การสวดภาวนาขอพรดวงดาว
เป็นเรื่องที่ยากจะปฏิเสธว่าความเชื่อนั้นเป็นสิ่งที่อยู่คู่คนไทยมาแต่ไหนแต่ไร เมื่อพบเห็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ เรามักจะขอพรอธิษฐานต่อดวงดาว เพราะเชื่อว่าเทพผู้คุ้มครองดวงดาวจะรับรู้
ฉะนั้นเมื่อคุณมีโอกาสได้พบเห็น “พระอาทิตย์ทรงกลด” หรือเฝ้ารอดู “ดาวอังคารใกล้โลก” ก็ลองพนมมือหรือกำมือทั้งสองข้างไว้บนหน้าอก แล้วสวดอธิษฐานดู ความฝันของคุณอาจจะเป็นจริงก็ได้ โดยหากใครมีเวลา สามารถทำตามวิธีนี้
วิธีขอพรจากดวงดาว
- ให้ขอได้เพียงข้อเดียว และข้อ ๆ นั้นจะต้องเป็นพรที่บริสุทธิ์ไม่เกี่ยวกับการคิดชั่วร้าย
- ให้หลับตาหันไปทางทิศตะวันออกแล้วทำใจให้สงบ
- ท่องภาษาเสกว่า สะรีเทเซส อะโลวสพราว วันสัน แล้วตามด้วยพรที่จะขอ
- จากนั้นให้มองดูดาวดวงใดดวงหนึ่งพร้อมกับอฐิษฐานว่าขอให้พรเป็นจริง
สรุป
สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ เผยภาพ “ดาวอังคารใกล้โลกที่สุด” เมื่อคืนวันที่ 6 ตุลาคม 2563 จากนั้นจะโคจรอยู่ในตำแหน่งตรงข้ามดวงอาทิตย์ วันที่ 14 ตุลาคม 2563 นี้ สว่างตลอดทั้งคืน บอกคำเดียวว่าครั้งนี้ห้ามพลาด!! เพราะดาวอังคารจะมาเข้าใกล้โลกแค่ทุก ๆ 2 ปีเท่านั้น แล้วอย่าลืมรีบยกมือขึ้นอธิษฐานขอพรกันล่ะ
ถึงแม้ในยุคสมัยนี้จะมีเทคโนโลยีก้าวหน้ามากเพียงไร แต่คนไทยก็ยังมีความเชื่อฝังรากลึกอยู่เสมอ บางอย่างก็อดไม่ได้ที่หลายคนจะนำมาโยงกับเรื่องเหนือธรรมชาติ ไม่เว้นแม้แต่ปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ล่าสุดที่กำลังจะเกิดขึ้นอย่าง “ดาวอังคารใกล้โลก” หรือแม้กระทั่งปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นได้บ่อยอย่าง “พระอาทิตย์ทรงกลด”
ที่เชื่อกันว่าปรากฏการณ์เหล่านี้ ถือเป็นลางบอกเหตุความโชคดี เรามักจะขอพรอธิษฐานต่อดวงดาว เพราะเชื่อว่าเทพผู้คุ้มครองดวงดาวจะรับรู้ ฉะนั้นเมื่อคุณมีโอกาสได้พบเห็นก็ลองขอพรกันดู ไม่แน่นะความฝันของคุณอาจจะเป็นจริง