ทราบไหมว่า… การฝึกกรรมฐานให้เกิดประโยชน์สูงสุด ก็คือ การฝึก กรรมฐานตามวันเกิด …เพราะแต่ละคนนั้นจะมีข้อดี ข้อเสียในตัวแตกต่างกันไป หรือเรียกว่ามีข้อบกพร่องที่ต้องแก้ไขแตกต่างกัน
การปฏิบัติกรรมฐาน… จะช่วยให้จิตใจสงบ มีสติสมาธิ และช่วยแก้ไขปัญหาของเราได้หลาย ๆ เรื่อง ถ้าอยากทราบว่า เราเป็นคนอย่างไร ต้องนั่งกรรมฐานวิธีไหนจึงจะได้ผล ตาม ruay365 มาเลย! เราสรุปวิธีฝึก กรรมฐานตามวันเกิด มาให้แล้ว!
สารบัญ
Toggleกรรมฐานคืออะไร…
เด็กรุ่นใหม่หลาย ๆ คน อาจไม่ทราบว่า… “กรรมฐาน” คือ เครื่องมือที่ใช้ในการฝึกอบรมจิต หรือวิธีเหนี่ยวนำให้เกิดสมาธิ เพื่อให้จิตสงบ และไม่เที่ยวเตลิดฟุ้งซ่านไปทั่ว
กรรมฐาน… มาจากคำว่า “กรรม” ที่แปลว่า “การงาน”… ส่วนคำว่า “ฐาน” ในที่นี้ก็คือ “ที่ตั้ง”… เมื่อรวมกันแล้ว “กรรมฐาน” จึงแปลได้ว่า “อารมณ์อันเป็นที่ตั้งแห่งการงาน ทางใจ” หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ การหางานให้ใจมันทำ จะได้ไม่ฟุ้งซ่านแล้วนำความรำคาญ มาสู่จิตใจ…
กรรมฐานแบ่งเป็น 2 ขั้น ด้วยกัน… ขั้นแรก เรียกว่า “ขั้นสมถกรรมฐาน” หรือ “สมาธิ” เป็นการปฏิบัติเพื่อช่วยกวาดล้างอารมณ์ฟุ้งซ่านต่าง ๆ ให้ออกไปจากใจ ทำใจให้สงบ ประณีต… ส่วน ขั้นที่สอง เรียกว่า “วิปัสสนากรรมฐาน” เป็นการปฏิบัติเพื่อมุ่งละทิ้งความทุกข์ทางใจ ให้มลายหายไป มุ่งให้เห็น “อนัตตา” ความจริง ความไม่เที่ยงแท้ของชีวิต อันเป็นขั้นสูงขึ้นมา ที่เหมาะกับพระสงฆ์ หรือคนที่อยากมุ่งทางธรรม…
การเตรียมตัวฝึกกรรมฐาน
ก่อนที่จะเริ่มฝึกกรรมฐานนั้น… เราควรรู้ก่อนว่า การที่จะเรียนปฏิบัติกรรมฐานมีด้วยกัน 40 วิธี หรือที่เขาเรียกว่า “พระกรรมฐาน 40 กอง” ซึ่งแบ่งออกเป็น 7 หมวด ได้แก่…
- กสิณกรรมฐาน 10 อย่าง
- อสุภกรรมฐาน 10 อย่าง
- อนุสสติกรรมฐาน 10 อย่าง
- พรหมวิหารกรรมฐาน 4 อย่าง
- อรูปกรรมฐาน 4 อย่าง
- อาหาเรปฏิกูลสัญญา 1 อย่าง
- จตุธาตุววัฏฐาน 1 อย่าง
ก่อนที่เราจะเริ่มปฏิบัติ… เราควรรู้อารมณ์อุปนิสัยของตนเองก่อน ว่าอุปนิสัยของเราถูกจริตกับการฝึกกรรมฐานแบบใด… เพราะเรื่องกรรมฐานกับจริตมีความสำคัญมาก ถ้าปฏิบัติไม่ถูกจริตจะไม่ก้าวหน้าทางธรรม ทำให้ถึงจุดหมายปลายทาง หรือ “พระนิพพาน” ได้ช้า…
เมื่อเราทราบแล้วว่า… กรรมฐานแปลว่าอะไร แบ่งออกเป็นกี่ขั้นและกี่ชนิด เราก็ไปดูกันเลยว่า เราควรฝึกกรรมฐานแบบใดจึงจะเหมาะกับเรา โดยจำแนก กรรมฐานตามวันเกิด ได้ดังนี้…
วิธีฝึกกรรมฐานตามวันเกิด
คนเกิดวันอาทิตย์
เป็นคนที่มีนิสัยที่เย่อหยิ่ง ค่อนข้างจะถือตัว เข้าทำนอง ฆ่าได้ แต่หยามไม่ได้ และก็มีนิสัยใจร้อน คล้าย ๆ ลักษณะของดวงอาทิตย์ ชอบอะไรเร็ว ๆ ช้าไม่เป็น ดังนั้นควรฝึกกรรมฐานจึงจะช่วยให้ใจเย็นลงได้…
กรรมฐานคนเกิดวันอาทิตย์ : ควรมุ่งเน้น การฝึกกรรมฐาน 4 ประการ ได้แก่…
- จตุธาตุววัฏฐาน คือ “การพิจารณาร่างกาย ให้เห็นเป็นแต่เพียงธาตุ 4”
- มรณัสสติ คือ “การนึกถึงความตายเป็นอารมณ์”
- พรหมวิหาร คือ “การแผ่ความรักความสงสารไปยังเพื่อนมนุษย์”
- วิปัสสนากรรมฐาน คือ “การปฏิบัติเพื่อมุ่งละทิ้งความทุกข์ทางใจ”
วิธีการปฏิบัติ :
ขั้นที่ 1 – การเจริญ “จตุธาตุววัฏฐาน” ต้องพิจารณาร่างกายให้เห็นเป็นแค่เพียงธาตุ 4 เราก็ต้องแยกแยะว่าอะไรเป็นธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม และธาตุไฟ ธาตุดิน ในร่างกาย…. จะทำให้เราได้เห็น ความจริงว่า ร่างกาย ที่เราเคยยึดมั่นถือมั่น โดยความเป็นตัวเราของเรานั้น ที่แท้ก็เป็นแต่เพียงธาตุ 4 อย่าง มาประชุมกันขึ้นเท่านั้น
ขั้นที่ 2 – การเจริญ “มรณัสสติ” ต้องระลึก ถึงความตาย แต่ก็ไม่ใช่ระลึก เพื่อจะให้เราเกิดความหวาดกลัว แต่ระลึก เพื่อไม่ให้ประมาทต่างหากความตาย ทุกคนรู้ ว่าไม่มีใครหลีกพ้น… ดังนั้น การนึกถึงความตายหรือเจริญมรณัสสติบ่อยๆ มันก็ช่วยทำให้การถือตนถือตัวลดน้อยลงไปได้เหมือนกัน
ขั้นที่ 3 – การเจริญ “พรหมวิหาร” ต้องแผ่ความรักและความสงสารไปยังเพื่อนมนุษย์ และสรรพสัตว์ทั้งหลาย อาจนึกถึงพ่อแม่ แผ่ความรักให้พวกท่าน มุ่งนึกถึงความรักที่มีต่อคนที่เรารัก… จะช่วยทำให้ใจที่เคยร้อน มีความสงบเย็นลงอย่างไม่น่าเชื่อ ใครที่รู้ตัวว่าเป็นคนใจร้อน ควรลองทำดู!
ขั้นที่ 4 – การเจริญ “วิปัสสนากรรมฐาน” ต้องฝึกสติเห็นความจริง เพิกถอนสิ่งสมมุติ (คือความเป็นสัตว์บุคคล ตัวตนเราเขา) ให้ออกจากใจ และเข้าไปเห็น ความจริง คือความเป็น “รูป” และ “นาม” เท่านั้น… จะทำให้คลายความติดใจ ( วิราคะ ) และหลุดพ้น ( วิมุตติ ) จากการยึดมั่นถือมั่นในที่สุด
คนเกิดวันจันทร์
เป็นคนมีความอ่อนหวาน อ่อนโยน น่ารัก มีเสน่ห์! เป็นคนช่างคิดจินตนาการไม่แพ้ใคร เรียกได้ว่ามีอารมณ์ศิลปินอยู่ในตัว จึงทำงานได้หลากหลายอาชีพขี้สงสารคน และเป็นคนเกิดความศรัทธา ในสิ่งต่าง ๆ ได้ง่าย…
กรรมฐานคนเกิดวันจันทร์ : คนที่มีศรัทธาง่าย ควรฝึกเจริญกรรมฐาน “หมวดอนุสติ” คือการระลึกถึงคุณของสิ่งที่ดีงาม แบ่งออกเป็น 6 ประการ ได้แก่…
- พุทธานุสติ คือ “การนึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า”
- ธัมมานุสติ คือ “นึกถึงคุณของพระธรรม”
- สังฆานุสติ คือ “การนึกถึงคุณของพระอริยสงฆ์”
- สีลานุสติ คือ “การนึกถึงคุณของศีล ที่ตนได้รักษา”
- จาคานุสติ คือ “การนึกถึงคุณ แห่งทานบริจาค ที่ตัวได้กระทำเอาไว้”
- เทวตานุสติ คือ “การนึกถึงคุณธรรม ที่ทำให้เป็นเทวดา”
วิธีการปฏิบัติ :
ควรฝึกเจริญ “อนุสติทั้ง 6 ประการ” ซึ่งจะช่วยประคองความเชื่อ ให้อยู่ในทางที่ถูกต้อง ทำให้ไม่ลุ่มหลงงมงายได้ง่าย ๆ… การฝึกฝนทำได้โดยการ เรียนรู้ หลักอนุสติทั้ง 6 โดยไล่จากข้อแรก จนถึงข้อสุดท้ายจึงจะเห็นธรรม
- พุทธานุสติ – พึงระลึกว่าพระพุทธเจ้าไม่ติดในยศฐาบรรดาศักดิ์ และสิ่งสะดวกสบาย เหมือนที่คนทั้งหลายแสวงหากัน
- ธัมมานุสติ – พึงระลึกถึงคุณของพระธรรมคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะช่วยทำให้ใจสงบได้อีกทางหนึ่ง
- สังฆานุสติ – พึงระลึกถึงคุณของพระอริยสงฆ์ ทั้ง 4 ประการ อันจะให้เห็นความจริง และละทิ้งความโลภได้เหมือนพระสงฆ์
- สีลานุสติ – พึงระลึกถึงความบริสุทธิ์แห่งศีล ที่ตนได้รักษาไว้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ตาม จะทำให้เกิดความอิ่มอกอิ่มใจทุกครั้ง และจะช่วยทำให้จิตใจ เกิดความสงบได้
- จาคานุสติ – พึงระลึกถึงทานบริจาค ที่เราได้บำเพ็ญไว้ดีแล้ว เมื่อนึกถึงจะทำให้สุขใจ อิ่มใจ จึงเป็นเรื่องที่ควรจะนึกถึงให้บ่อย ๆ
- เทวตานุสติ – พึงระลึกคุณธรรม ที่ทำให้คน เกิดเป็นเทวดา นั่นก็คือ “หิริ” = ความละอาย ต่อบาป และ “โอตตัปปะ” = ความเกรงกลัวต่อบาป
เมื่อเราระลึกสิ่งเหล่านี้ได้แล้ว… เวลาเราจะเชื่อสิ่งใด เราก็จะระลึกได้ว่า สิ่งที่ควรเชื่อที่สุด ก็คือ 6 ประการดังกล่าว… ควรเชื่อในคุณของพระพุทธเจ้า คุณของพระธรรม คุณของพระอริยสงฆ์ คุณของทาน คุณของศีลที่มีอยู่ในตน และเชื่อในคุณธรรมที่ทำคนให้เป็นเทวดาเพียงเท่านี้ จึงจะมีสติ!
คนเกิดวันอังคาร
เป็นคนมีความกล้า ความขยันขันแข็ง! พูดจาตรงไปตรงมา จนเหมือนขวานผ่าซาก แต่ก็เป็นคนจริงใจ ข้อเสียก็คือ เป็นคนเลือดร้อน หงุดหงิดง่าย และพร้อมที่จะทะเลาะได้ทุกเมื่อ…
กรรมฐานคนเกิดวันอังคาร : ควรเน้นหมวด “พรหมวิหาร 4” หรือการแผ่ความรู้สึกที่ดี 4 อย่าง ออกไปรอบ ๆ ตัว จนกระทั่งจิตใจเกิดความสงบ โดย 4 ประการดังกล่าวก็คือ…
- เมตตา
- กรุณา
- มุทิตา
- อุเบกขา
วิธีการปฏิบัติ :
ควรเริ่มจากข้อแรก ไล่ไปหาข้อสุดท้าย ค่อย ๆ ฝึกสังเกตและเจริญภาวนาดังนี้…
- ฝึกเจริญ “เมตตา” – แผ่ความรักใคร่ ปรารถนาดีอยากให้เขามีความสุข มีจิตอันแผ่ไมตรี และคิดทำประโยชน์แก่มนุษย์สัตว์ทั่วหน้า
- ฝึกเจริญ “กรุณา” – แผ่ความสงสาร คิดช่วยให้ผู้อื่นพ้นทุกข์ ปลดเปลื้องบำบัดความทุกข์ยากเดือดร้อนของปวงสัตว์
- ฝึกเจริญ “มุทิตา” – แผ่ความยินดีให้ผู้อื่น เมื่อเขาอยู่ดีมีสุข มีจิตผ่องใสบันเทิง แช่มชื่นเบิกบานอยู่เสมอ ต่อสัตว์ทั้งหลายผู้ดำรงในปกติสุข
- ฝึกเจริญ “อุเบกขา” แผ่ความวางใจเป็นกลาง ไม่เอนเอียงด้วยรักและชัง พิจารณาเห็นกรรมที่สัตว์ทั้งหลายกระทำแล้ว อันควรได้รับผลดีหรือชั่ว สมควรแก่เหตุผลนั้น ๆ
คนเกิดวันพุธ (กลางวัน & กลางคืน)
เป็นคนที่อ่อนหวาน พูดเก่ง คุยเก่ง มีมนุษยสัมพันธ์ดี! เป็นคนพิถีพิถัน ในทุก ๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการแต่งตัว ต้องเป็นระเบียบตั้งแต่ศีรษะ จรดเท้าทีเดียว! แต่ข้อเสียของคนที่เกิดวันพุธ ก็คือ มักจะเป็นคนที่อ่อนไหว และเปลี่ยนแปลงได้ง่าย
กรรมฐานคนเกิดวันพุธ : ควรแก้ไขข้อบกพร่อง 2 ประการ คือ 1.เป็นคนอ่อนไหวง่าย 2ความลุ่มหลงมัวเมาได้ง่าย… อันที่จริงสามารถฝึกได้ทั้ง “พระกรรมฐาน 40 กอง” …แต่ที่ควรเน้น ก็คือการฝึกเจริญ “อานาปานสติ” เพื่อแก้ไขความอ่อนไหวที่มีมากไป และต้องฝึก “วิปัสสนากรรมฐาน” อันจะทำให้ช่วยแก้ความลุ่มหลง
วิธีการปฏิบัติ :
ขั้นที่ 1 – ฝึกเจริญ “อานาปานสติ” ด้วยการกำหนดรู้ลมหายใจเข้าออก ตลอดเวลา หายใจเข้าให้รู้ว่าเข้า หายใจออกให้รู้ว่าออก… เพราะเมื่อไม่รู้ลมหายใจ ก็จะทำให้จิตถูกจูงใจให้ฟุ้งซ่าน และทำให้เกิดความอ่อนไหวไปตามอารมณ์ต่าง ๆ
ขั้นที่ 2 – ฝึกเจริญ “วิปัสสนากรรมฐาน” สร้างปัญญาให้รู้เท่าทัน ความเป็นจริงของโลกและชีวิต อันประกอบด้วย 3 ประการ ได้แก่
- อนิจจัง ความไม่แน่นอน เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
- ทุกขัง การถูกบีบคั้น จนทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้
- อนัตตา การอยู่นอกเหนือการควบคุม
ถ้ายอมรับ 3 สิ่งนี้ได้ ก็จะทำให้เรา ไม่ยึดติดกับสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิต ไม่ลุ่มหลงไปกับอารมณ์ ความรู้สึกที่เกิดขึ้น และจะทำให้มีสติในการใช้ชีวิตยิ่งขึ้น
คนเกิดวันพฤหัสบดี
มีความเป็นครูสูง ชอบใฝ่รู้ใฝ่เรียน และชอบสอน ชอบแนะนำคนอื่น! เป็นคนฉลาด มีเหตุมีผล และเป็นคนที่ตระหนี่ถี่เหนียวอย่างมาก ชอบเก็บ ชอบสะสมเงินในธนาคาร มีแต่นิสัยที่เป็นข้อดีเสียส่วนใหญ่
กรรมฐานคนเกิดวันพฤหัสบดี : ควรมุ่งเน้นฝึกฝน 3 ประการ เพื่อเสริมนิสัยด้านดีได้แก่… “อาหาเรปฏิกูลสัญญา” ( การพิจารณา ความเป็นปฏิกูลในอาหาร )และ “จตุธาตุววัตถาน” ( การพิจารณาร่างกาย โดยความเป็นธาตุ ๔) จะช่วยเสริมเรื่องการเรียนรู้ … ส่วน “มรณัสสติ” ( การนึกถึงความตาย อันจะมาถึงตน ) ช่วยเรื่องการที่เป็นคนตระหนี่ถี่เหนียว
วิธีการปฏิบัติ :
ขั้นที่ 1 – ฝึกเจริญ “อาหาเรปฏิกูลสัญญา” ด้วยการพิจารณา ความเป็นปฏิกูลในอาหาร ระลึกว่าอาหารทุกอย่าง ที่เราทานเข้าไปนั้น ล้วนมีความเป็นปฏิกูลทั้งสิ้น… สิ่งนี้จะช่วยทำให้เสริมสติปัญญาให้คนที่เกิดวันพฤหัสบดี และเห็นความจริงโดยง่าย
ขั้นที่ 2 – ฝึกเจริญ “จตุธาตุววัตถาน” ด้วยการระลึกว่า ร่างกายของเราสร้างขึ้นจากธาตุทั้ง 4 ดิน น้ำ ลม ไฟ… เมื่อเราระลึกได้ เราจะไม่ยึดถือในการเปลี่ยนแปลง มีสติปัญญารู้เท่าทันความเปลี่ยนแปลงในร่างกาย ว่าเกิดจากธาตุต่าง ๆ
ขั้นที่ 3 – ฝึกเจริญ “มรณัสสติ” โดยระลึก ถึงความตาย เพื่อไม่ให้ประมาทให้รู้ว่าไม่มีใครหลีกพ้น… ดังนั้น การที่จะตระหนี่ถี่เหนียวไปก็ไม่ช่วยอะไร เราควรแบ่งปันผู้อื่นบ้าง และใช้เงินแต่พอประมาณให้เกิดผล
คนเกิดวันศุกร์
เป็นคนที่รักสวยรักงาม อารมณ์ร่าเริง ชอบร้องรำทำเพลง! แต่ก็มีจุดอ่อน 2 อย่างคือ เป็นคนค่อนข้างจะห่วงคนอื่น มากกว่าตัวเอง เอาความทุกข์คนอื่นมากอดไว้ จนกินไม่ได้นอนไม่หลับ และเป็นคนที่มักจะเผลอไผล ในเรื่องของคำพูด พูดไม่คิดและแก้ไม่ทัน
กรรมฐานคนเกิดวันศุกร์ : ควรแก้ในข้อเสีย 3 อย่าง ด้วย 3 ประการดังนี้…
- ต้องใช้ “อสุภกรรมฐาน” – แก้เรื่องความติดใจ ในกามารมณ์ ความสวยงาม
- ต้องใช้ “อุเบกขาพรหมวิหาร” – แก้ในเรื่อง ชอบทุกข์กับเรื่องของคนอื่นมากเกินไป
- ต้องเจริญ “สติปัฏฐาน” – เพื่อแก้นิสัยที่เผลอไผลในคำพูด
วิธีการปฏิบัติ :
ขั้นที่ 2 – ฝึกฝน “อสุภกรรมฐาน” ด้วยการนึกถึงซากศพ ร่างกายของมนุษย์หลังจากที่เน่าเปื่อยแล้ว… จะได้รู้ว่าไม่มีสิ่งที่ที่จะสวยงามตลอดไป จะได้ไม่ติดกับรูป รส ความสวยงามและกามอารมณ์
ขั้นที่ 2 – ฝึกฝน “อุเบกขาพรหมวิหาร” ด้วยการปล่อยวาง รู้จักทำใจวางเฉย ใครทำกรรมอะไรไว้ คนนั้นก็จะต้องเป็นผู้รับผลแห่งกรรมนั้น… จะทำให้กลายเป็นคนไม่ทุกข์ร้อน และเอาความทุกข์ผู้อื่นมากอดไว้
ขั้นที่ 3 – ฝึกฝน “สติปัฏฐาน” ด้วยกำหนดรู้ร่างกาย เอาสติ เข้าไประลึกรู้ อยู่ที่ลมหายใจเข้าออก ทั้งตอนที่อยู่นิ่ง และตอนที่เคลื่อนไหว… เวลาก่อนที่จะพูดอะไร จะทำให้มีสติมากขึ้น เพราะกำหนดรู้อยู่ที่ลมหายใจ
คนเกิดวันเสาร์
มักจะคนหงุดหงิดง่าย และใจร้อน และบางคนก็จะมีลักษณะชอบเก็บตัว! ไม่ชอบสุงสิงกับใคร ใครก็ตามที่มีลักษณะชอบเก็บตัว ชอบอยู่คนเดียวเงียบ ๆ พวกนี้ มักจะกลายเป็นคนที่คิดมาก จึงทำให้เป็นคนที่ค่อนข้างเครียดง่าย และช่างจดช่างจำ เจ้าคิด เจ้าแค้น
กรรมฐานคนเกิดวันเสาร์ : สิ่งที่จะแก้ไขข้อเสียเหล่านั้นได้ คือ หลัก “พรหมวิหาร 4” หรือการแผ่ความรู้สึกที่ดี 4 อย่าง ออกไปรอบ ๆ ตัว จนกระทั่งจิตใจเกิดความสงบ โดยหลัก 4 ประการ ประกอบด้วย…
- เมตตา
- กรุณา
- มุทิตา
- อุเบกขา
วิธีการปฏิบัติ :
ควรเริ่มจากข้อแรก ไล่ไปหาข้อสุดท้าย ค่อย ๆ ฝึกสังเกตและเจริญภาวนาดังนี้…
- ฝึกเจริญ “เมตตา” – แผ่ความรักใคร่ ปรารถนาดีอยากให้เขามีความสุข มีจิตอันแผ่ไมตรี และคิดทำประโยชน์แก่มนุษย์สัตว์ทั่วหน้า
- ฝึกเจริญ “กรุณา” – แผ่ความสงสาร คิดช่วยให้ผู้อื่นพ้นทุกข์ ปลดเปลื้องบำบัดความทุกข์ยากเดือดร้อนของปวงสัตว์
- ฝึกเจริญ “มุทิตา” – แผ่ความยินดีให้ผู้อื่น เมื่อเขาอยู่ดีมีสุข มีจิตผ่องใสบันเทิง แช่มชื่นเบิกบานอยู่เสมอ ต่อสัตว์ทั้งหลายผู้ดำรงในปกติสุข
- ฝึกเจริญ “อุเบกขา” แผ่ความวางใจเป็นกลาง ไม่เอนเอียงด้วยรักและชัง พิจารณาเห็นกรรมที่สัตว์ทั้งหลายกระทำแล้ว อันควรได้รับผลดีหรือชั่ว สมควรแก่เหตุผลนั้น ๆ
เพียงเจริญภาวนาด้วยกรรมฐานดังนี้… ก็จะทำให้เราเป็นคนที่ คิดถึงผู้อื่นมากขึ้น เผื่อแผ่ความรัก ความเมตตา ความสงสารให้ผู้อื่น แล้วชีวิตเราจะดีขึ้น มีสมาธิทำงานขึ้น และมีเงินทองเข้ามาด้วย!
สรุปส่งท้าย
กรรมฐานตามวันเกิด …เป็นวิธีการฝึกกรรมฐานที่ได้ผลดีที่สุด เพราะเป็นการฝึกฝนจิต แก้ที่ปัญหาแบบตรงจุด! คนแต่ละวัน จะมีลักษณะนิสัย ข้อบกพร่องที่แตกต่างกันไป บางคนเป็นคนใจร้อน เป็นคนอ่อนไหวง่าย หรือเป็นคนเชื่อคนง่ายเกินไป ก็สามารถแก้ไขข้อบกพร่องนั้น ๆ ได้ ด้วยกรรมฐาน
ถ้าอยากให้ชีวิตดีขึ้น ทำงานมีสติ มีเงินเข้ามาเยอะ ๆ ควรฝึกกรรมฐานตามวันเกิด! เพราะจะช่วยปรับปรุงบุคลิกนิสัยของเราให้ดีขึ้น อีกทั้งยังทำให้มีสติรู้ตลอดเวลาทำงานอีกด้วย ทำอะไรด้วยสติ ก็จะเกิดผลที่ดีกับเราเสมอ!