คนไทยส่วนใหญ่เกิดมาพร้อมกับความเชื่อและความศรัทธาในอำนาจของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่เปรียบเสมือนเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวทางจิตใจ โดยมักขอพึ่งบุญท่านทั้งหลายดลบันดาลให้สัมฤทธิ์ผลได้ดังใจปรารถนา ซึ่งนอกจากการไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้บรรลุผลนั้นแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันเลยก็คือ “การลาของไหว้”
สารบัญ
Toggleการไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือบูชาเซ่นสรวง
การไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือการบูชาเซ่นสรวงนั้นมีหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการไหว้เทพเจ้า การไหว้เจ้าที่เจ้าทาง หรือแม้กระทั่งการไหว้ภูตผี จิตวิญญาณต่าง ๆ ซึ่งในครั้งนี้ Ruay365.com จะมากล่าวถึงการไหว้เทพเทวดา เจ้าที่ เจ้าทาง และบรรพบุรุษ โดยสามารถแบ่งวิธีการบูชาเซ่นสรวงได้ 2 ประเภท ดังนี้
การปฏิบัติบูชา
คือ การรักษาศีล ถวายสังฆทาน ทำทาน หรือสร้างบุญกุศล แล้วอุทิศส่วนบุญนั้นให้แก่เทพเทวดามารับรู้และอนุโมทนา
การบูชาด้วยอามิสบูชา
คือ การเซ่นสรวงด้วยของ ไม่ว่าจะเป็น ผลไม้มงคล อาหารมงคล ขนมไทยมงคล ของคาวหวานต่าง ๆ เพื่อที่จะขอพร ขอบุญบารมีจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และเพื่อแสดงความเคารพต่อเทพเจ้าองค์นั้น ๆ ที่เราเคารพบูชาอยู่ ซึ่งของเซ่นไหว้ที่เป็นมงคล และความหมายดี เช่น
อาหารมงคล
-ลาบ หมายถึง ความโชคดี ลาภลอย การได้มาโดยคาดไม่ถึง ไม่ได้คาดหมายมาก่อน
-เกี๊ยว หมายถึง ความมั่งคั่งร่ำรวย เรียกเงินทองเข้าหาตัว
-เมนูปลา หรือ ลูกชิ้นปลา หมายถึง สัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์ เปรียบถึงความร่ำรวยที่ไม่มีที่สิ้นสุดแบบอินฟินิตี้
ผลไม้มงคล
-ส้ม หมายถึง ความโชคดี มั่งคั่งร่ำรวย
-กล้วยหอม หมายถึง ความมั่งมี จะช่วยกวักเงิน กวักทอง เรียกโชคเข้าบ้าน
-สับปะรด หมายถึง การเรียกโชคเรียกลาภให้มาหา
-แก้วมังกร หมายถึง ช่วยเรื่องปลดหนี้ ช่วยเพิ่มพลังความน่าเชื่อถือ
ขนมมงคล
-ขนมทองหยิบ หมายถึง ความร่ำรวย หยิบเงินหยิบทอง ทำการงานสิ่งใดก็จะร่ำรวยมีเงินมีทองใช้ไม่ขาดมือ
-ขนมทองหยอด หมายถึง หยอดเงินหยอดทอง ให้ร่ำรวยมีเงินมีทองใช้อย่างไม่รู้หมดสิ้น
-ขนมฝอยทอง หมายถึง การอวยพรให้มีชีวิตที่ยืนยาวเหมือนเส้นของฝอยทองแต่ละเกลียวที่ยาวไม่มีที่สิ้นสุด
วิธีเลือกเครื่องสังเวย ของเซ่นไหว้ สิ่งศักดิ์สิทธิ์
การไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ด้วยวิธีการอามิสบูชา หรือการการเซ่นสรวงด้วยของต่าง ๆ นั้น เป็นวิธีที่คนส่วนใหญ่นิยมทำกัน แต่จะบูชาอะไรแล้วรวย สิ่งศักดิ์สิทธิ์จะช่วยดลบันดาลให้มีโชคลาภดึงดูดทรัพย์สินเงินทองเข้ากระเป๋า พิจารณาได้จากหลักดังนี้
- พิจารณาเลือกของเซ่นไหว้จากนิสัยเดิมของเหล่าเทพเจ้าหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ว่าระหว่างที่ท่านยังมีชีวิตอยู่นั้น ท่านนิยมหรือชอบสิ่งใด บางท่านนิยม เหล้า ก็ต้องถวายเหล้า บางท่านนิยมเนื้อสด ก็ต้องถวายเนื้อสด บางท่านชอบ ไข่ต้มก็จะต้องมีไข่ต้มไว้ด้วย
- กรณีที่เราไม่ทราบว่านิสัยเดิมของสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นเป็นแบบใด แนะนำว่า ให้นำของเซ่นไหว้คาวหวานที่เป็นมงคล ไปถวายพระสงฆ์ท่านและขอเมตตาท่านอุทิศบุญนั้นให้กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เราเคารพ โดยอุทิศอย่างเจาะจง เช่น เจ้าที่เจ้าทางที่บ้าน เทวดาที่ดูแลกิจการร้านค้า หรือศาล
การลาของไหว้ ลาได้ตอนไหน ของเซ่นไหว้กินได้ไหม
อาหารไหว้ของสูงรูปเคารพแม้แต่น้ำที่ใช้บูชาพระหรืออาหารขนม เมื่อเราทำการบูชาเซ่นไหว้เสร็จแล้วก็สามารถลาได้เลย ไม่จำเป็นต้องรอให้ธูปหมดก่อน และที่สำคัญไม่ควรปล่อยทิ้งไว้เพราะถ้าเป็นอาหารที่บูดเสียง่าย
เมื่อลามาแล้วหากอาหารไม่สามารถรับประทานได้ต้องเอาไปทิ้งถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง เพราะอาหารที่ถวายต่อเทพแล้วถือว่าเป็นเทวประสาท หากไม่รับของถวายหรือทิ้งไปถือว่าไม่รับพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั่นเอง
ซึ่งของเซ่นไหว้ที่เรานำไปถวายนั้นเราสามารถนำมากินได้ เนื่องจากเทพเทวดาทั้งหลายท่านไม่ได้ทานของเซ่นที่เราถวายอยู่แล้ว แต่การที่เราเชิญท่านมารับรู้ว่าเราได้ให้ ก็จะเกิดสิ่งดี ๆ ขึ้น สิ่งศักดิ์สิทธิ์จะมาอวยพรให้แก่ผู้ไหว้ได้เกิดสิริมงคล รวมถึงของที่เรานำไปถวายก็จะเป็นของมงคลไปด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้เมื่อของที่เรานำไปถวายเป็นมงคลแล้ว ก็ย่อมสามารถทานได้ สามารถแบ่งให้กับคนในครอบกินได้นั่นเอง รวมถึงไปแจกจ่ายให้กับญาติพี่น้อง มิตรสหาย หรือแจกจ่ายให้กับผู้คนที่เขาหิวโหย เพื่อสร้างทานบารมีต่อไปได้อีกด้วย
แต่ของเซ่นไหว้ที่ไม่แนะนำให้นำมากินต่อ คือ ของเซ่นไหว้ผี ไหว้จิตวิญญาณต่าง ๆ เมื่อไหว้เสร็จแล้วก็ไหว้ไปเลย ถือว่าได้ให้แล้ว ไม่ควรนำกลับมาหรือนำมารับประทาน เนื่องจากจิตวิญญา สัมพเวสี ผีเร่ร่อน จะมากินของที่เราได้ไหว้ไปแล้วนั่นเอง
คาถาลาของไหว้ การพูดลาของที่ถวาย
วิธีการลาของไหว้นั้น ให้พนมมือและกล่าวขอ โดยตั้งนะโม3จบ สามรอบ แล้วพูดว่า
“เสสังมังคลัง ยาจามิ”
ซึ่งแปลได้ว่า ลูกขอส่วนที่เหลืออันเป็นมงคล เพื่อยังประโยชน์ เพื่อความสุขความเจริญ แก่ลูกด้วยเจ้าพระคุณ
สรุป การลาของไหว้
สำหรับเรื่องราว การลาของไหว้ คำถามที่หลายคนสงสัยคือ ของเซ่นไหว้กินได้ไหม ? คำตอบคือ สามารถกินได้ และสามารถแบ่งให้กับคนในครอบกินได้ เพื่อความเป็นสิริมงคล รวมถึงไปแจกจ่ายให้กับญาติพี่น้อง มิตรสหาย หรือแจกจ่ายให้กับผู้คนที่เขาหิวโหย ซึ่งของเซ่นไหว้ที่ไม่แนะนำให้นำมากินต่อ คือ ของเซ่นไหว้ผี ไหว้จิตวิญญาณต่าง ๆ แค่นั้นเอง
โดยวิธีการลาของไหว้ ก็ควรปฏิบัติแต่ละขั้นตอนตามความเหมาะสม สิ่งสำคัญให้ใส่ใจมากกว่า คือ ควรตั้งจิตให้เป็นสมาธิในขณะสวดบูชา และควรปฏิบัติให้ได้ทุกวันจะเป็นสิริมงคล ตามแต่กำลังทรัพย์และฐานะของผู้ศรัทธา
จะบูชาอย่างไรก็ตาม หลักสำคัญคือ ขณะสวดบูชาให้ตั้งสติให้แน่วแน่ สร้างบรรยากาศให้เกิดสมาธิ สวดมนต์ให้ถูกต้อง บูชาด้วยใจที่บริสุทธิ์ ไม่ขอพรด้วยความโลภ หรือสาบแช่งผู้อื่น ไม่ขอพรด้วยความท้าทาย หากปฏิบัติขั้นตอนใดผิดพลาดก็ให้ขอขมา บารมีของสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้น ท่านก็จะคุ้มครองเรา