ตั้งชื่อร้านไอจี

ตั้งชื่อร้านไอจี อย่างไรให้มงคล เพิ่มยอดขายออนไลน์ให้ปัง

ฮัดชิ่วว!! นี่เธอ ๆ รู้ป่ะว่า ไอจามมันไม่ดี งั้นขอไอจีแทนได้ป่ะ เย้ยย ♥‿♥ ชงมาซะขนาดนี้จะไม่ให้ก็ใจร้ายอยู่นะ ไหน ๆ มาขอทั้งทีงั้นถือโอกาสฝากร้านด้วยแล้วกัน ไอจีร้านชื่อ…เดี๋ยวนะเราจำไม่ได้ว่ามันสะกดยังไง เห้ยแบบนี้ไม่ได้จะขายของแต่ละเลยชื่อร้านค้าของตัวเองแบบนี้ยังไงก็พัง งั้นวันนี้ Ruay 365 จะพาพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์มือใหม่ไปเรียนรู้กับการ “ตั้งชื่อร้านไอจี” อย่างไรให้ดี ช่วยดึงดูดลูกค้ากัน พร้อมแนะ “เคล็ดลับการ ขายของในไอจี” ใหัปังแบบง่าย ๆ รับรองว่าเพิ่มยอดและสร้างฐานที่แข็งแรงให้กับธุรกิจของคุณได้อย่างเห็นผล

ใครเป็นผู้คิดค้นอินสตาแกรม

เควิน ซิสตรอม และ ไมเคิล ไมค์ ครีเกอร์ ชาวอเมริกัน ในวันที่ 5 มีนาคม 2553 โดยได้เน้นระบะ HTML5

HTML5 คือะไร

เป็นภาษาที่ใช้ในการเขียนเว็บไซต์ เรียกว่า ภาษามาร์กอัป ถูกพัฒนามาจาก  HTML โดย WHATWG (The Web Hypertext Application Technology Working Group) 

มีแอพลิเคชั่นอะไรบ้าง ที่ตีคู่มากับ IG

หลัก ๆ ก็จะเป็นแอพลิเคชั่นรายใหญ่อย่าง Facebook Twitter Line Whatapp เป็นต้น

หวย เว็บ tode (โต๊ด)
ไม่ต้องตกใจ หวยออนไลน์ จ่ายจริง สูงสุดบาทละ 1,200 รับทุกเลข TODE ที่เดียว

5 เทคนิค ตั้งชื่อร้านไอจี ตั้งชื่อร้านออนไลน์ อย่างไรให้ขายดี

ตั้งชื่อร้านไอจี

ปัจจุบันโซเชียลมีเดียมีอิทธิพลต่อการดำรงชีวิตเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการขายสินค้าออนไลน์ หรือ E-commerce ที่มีแนวโน้มจะขยายตัวขึ้นเรื่อย ๆ หลาย ๆ คนที่เพิ่งเริ่มก้าวเข้ามาเป็นพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์คงมีคำถามยอดฮิตว่า ขายของตามวันเกิด เสริมดวงยอดขายพุ่ง สเต็ปต่อมาก็มีคำถามอยู่ไม่น้อยว่าจะ ตั้งชื่อร้านของขาย ว่าอะไร? 

แน่นอนว่าธุรกิจบนอินสตาแกรมผุดขึ้นเยอะยิ่งกว่าดอกเห็ด แต่แบรนด์เราจะยืนหยัด และมีผู้ติดตามอย่างเหนียวแน่นได้อย่างไรนั้น ชื่อร้านหรือชื่อ IG จึงเป็นสิ่งแรกที่ต้องให้ความสำคัญควรเป็นชื่อที่บ่งบอกถึงสินค้าที่เราขาย หรือมีคีย์เวิร์ดสำคัญ ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสินค้านั้น ๆ และที่สำคัญควรเป็นชื่อที่จดจำได้ง่าย เพื่อความสะดวกในการค้นหา โดย 5 เทคนิคการ ตั้งชื่อร้านไอจี แบบง่ายสามารถอธิบายได้ ดังนี้

ตั้งชื่อติดปาก

ชื่อร้านที่ดีคววรเป็นคำติด สั้น กระชับ เข้าใจง่าย เห็นชื่อร้านปุ้บก็รู้เลยว่าขายอะไร เขียนง่าย สะกดง่าย เข้าใจได้ทุกคน ที่ต้องเป็นเช่นนี้ก็เพราะจะได้เสิร์ชหาได้ง่าย บอกต่อเพื่อนไม่ผิดเพี้ยน เช่น ร้าน Lan Dokmai พ้องเสียงคำว่า ร้านดอกไม้ หรือ ลานดอกไม้

สมัครเว็บ tode คุ้มสุด
คลิกเลย สมัครเว็บ tode คุ้มสุด 100 บาทรับ 9,000 บาท

ตั้งชื่อให้เก๋ จำง่าย

โดยการใช้คำศัพท์ใหม่ที่เข้ากับยุคสมัย ภาษาวัยรุ่น หรือศัพท์สื่อความหมายหลากหลาย จนเป็นจุดสนใจของผู้คน โดยใช้วิธีการเกาะกระแสเรียกคนเข้าร้าน แนะนำว่าไม่ควรใช้ชื่อที่ยาวเกินไป หรือใช้อักษรย่อ เพราะจะทำให้เกิดความสับสน เช่น ตำยำว่าซั่น ศัพท์ฮิตติดปากของวัยรุ่น เป็นต้น

ชื่อมงคลเขาว่าดี

อีกหนึ่งวิธีที่เจ้าของร้านนิยมทำกัน คือการตั้งชื่อร้านให้มีความหมายดี เป็นสิริมงคลด้วยหลักการตั้ง ชื่อร้านด้วยอักษรมงคล ตามคำแนะนำของหมูดูหรือซินแส เพื่อให้ธุรกิจรุ่งเรือง เรียกลูกค้าให้ข้าร้านมากขึ้น เช่น ร้านมิ่งมงคล ขายเครื่องสังฆภัณฑ์ เป็นต้น

ภาษาพื้นเมืองบอกที่มาของร้าน

ข้อดีของการนำภาษาพื้นเมือง หรือภาษาท้องถิ่นมาตั้งชื่อร้าน คือตัวภาษาสามารถบ่งบอกถึงที่มาของสินค้าได้ ว่ามาจากที่ไหน เป็นของภาคอะไร จังหวัดอะไร แค่ได้เห็นชื่อ เช่น ร้าน Morhorm (ม่อฮ่อม) ที่มาจากภาษาพื้นเมืองภาคเหนือของไทย สื่อได้ว่าร้านนี้ขายเสื้อผ้าพื้นเมืองที่เป็นภูมิปัญญาของทางภาคเหนือนั่นเอง

ตั้งชื่อร้านบ่งบอกตัวตนของแบนด์

นอกจากจะต้องจดจำง่ายแล้ว อีกสิ่งที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันคือ ควรสะท้อนตัวตนของแบรนด์ด้วย เช่น หากร้านขายเสื้อผ้า เราอาจตั้งชื่อร้านด้วยเทคนิคที่ Ruay ได้กล่าวไปข้อใดข้อหนึ่ง แล้วพ่วงท้ายด้วยคำว่า clothes  เพื่อให้ลูกค้ารู้ว่าร้านนี้ขายเสื้อผ้านะ

tod69.com
แทงหวยรัฐบาลกับเราวันนี้ จ่ายสูงสุด 2 ตัว 90 https://www.tod69.com

10 เทคนิค ขายของในไอจียังไงให้ปัง

ทุกวันนี้ Instagram ( IG) กลายเป็นแอปพลิเคชั่นยอดฮิตสำหรับคนไทยไปแล้ว ด้วยจุดเด่นที่เน้นเล่าเรื่องผ่านรูปภาพ และถูกออกแบบให้ใช้งานง่าย จึงเข้าถึงคนได้ทุกเพศทุกวัย ทำให้หลาย ๆ คน โดยเฉพาะเหล่าพ่อค้าแม่ค้ามองเห็นช่องทางตรงนี้ หันมาขายสินค้าผ่านทาง IG กันมากมาย 

ด้วยการเติบโตอย่างรวดเร็ว และมีคู่แข่งเยอะ จึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่คุณจะเป็นร้านที่ได้ยอดขายปัง ๆ ดังนั้นการ ขายของในไอจี เพื่อสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำนั้น นอกจากจะต้องใช้เวลาแล้ว ยังต้องอาศัยเทคนิควิธีต่าง ๆ ที่ควบคู่ไปด้วย ดังนี้

ตั้งชื่อร้านไอจี ให้จำง่าย ชัดเจน

อย่างที่เกร่นไปก่อนหน้านี้แล้วว่า “ชื่อไอจีร้าน” บ่งบอกตัวตนของสินค้าและการบริการของเราว่าเราขายอะไร เป็นสินค้าจากที่ไหน มีลักษณะเด่นยังไง ดังนั้นการตั้งชื่อให้ง่ายต่อการจดจำ และมีความเป็นแบนรด์ของตนเองจึงเป็นสิ่งทที่สำคัญอย่างยิ่ง

ใส่ข้อมูล Profile IG ให้ครบถ้วน

Profile IG
ตัวอย่าง การระบุ Profile IG

Profile ที่ดีควรระบุไปเลยว่าเราขายสินค้าอะไร สินค้าของเรามีข้อดี หรือคุณสมบัติเด่นอย่างไรบ้าง ลูกค้าสามารถติดต่อเราได้โดยช่องทางไหน การจัดส่งสินค้าฟรีหรือมีช่องทางการส่งสินค้าช่องทางใดบ้าง มีเก็บเงินปลายทางหรือไม่ เป็นต้น 

ซึ่งควรจะเขียนข้อมูลให้กระชับ เข้าใจได้ทันที และจะต้องจบภายใน 150 ตัวอักษร เนื่องจาก IG ให้คุณค่าของการโพสต์ภาพมากกว่าข้อความที่เป็นตัวอักษร นอกเหนือจะทำให้ลูกค้าติดต่อสอบถาม และสะดวกในการซื้อแล้ว ยังสามารถสร้างความน่าเชื่อถือที่ดีได้อีกด้วย

รูปภาพต้องได้ Caption ต้องโดน

หัวใจสำคัญของการขายสินค้าผ่านไอจี ก็คือ ภาพถ่ายสินค้า หากภาพไม่สวย องค์ประกอบไม่ดี ก็ยากที่จะดึงดูดสายตาลูกค้าให้เข้ามาซื้อ จึงต้องเน้นการโพสต์ภาพที่มีคุณภาพ สวยงาม เห็นชัด และอาศัยเทคนิคเหล่านี้ควบคู่ไปด้วย ได้แก่ การจัดวางภาพให้สมดุลลงตัว การใช้นายแบบนางแบบช่วยถ่าย และการคุมโทนภาพหรือร้านค้าให้ดูสบายตา

มีภาพแล้วก็ต้องมี แคปชั่น (Caption) อธิบายสินค้าของเรา ทางที่ดีควรใส่ข้อมูลให้ละเอียด ว่าสินค้านั้นคืออะไร ราคาเท่าไหร่ ขนาดเท่าไหร่ เหมาะกับใคร จุดเด่นจุดด้อยคืออะไร เป็นต้น

ภาพสินค้า
ตัวอย่าง คุมโทนร้านไอจี

ใช้พลัง Hashtag ช่วยโปรโมท

การใช้แฮชแทค (#) ทำให้คนเข้าถึงสินค้าได้มากขึ้น เพราะหลาย ๆ คนมักจะเสิร์ชหาสินค้าผ่าน Hashtag เช่น หากขายกระเป๋า ก็ควรใส่แท็กว่า #Bag #BagsThailand เป็นต้น ดังนั้นเวลาโพสต์สินค้าก็อาจจะใช้แฮชแท็กของร้านไปด้วยก็ดี

วิดีโอดึงดูดความสนใจ

วีดิโอ ถือเป็นสื่อการถ่ายทอดเรื่องราวที่ดีเยี่ยมอีกวิธีหนึ่ง และช่วยให้คนหยุดดูมากกว่าภาพนิ่ง บรรดาพ่อค้าแม่ค้าจึงควรหันมาใช้ประโยชน์จากส่วนตรงเอาไปปรับใช้กับสินค้าของเรา ผ่านการเล่าเรื่องเป็นวิดีโอ เช่น แนะนำวิธีการใช้สินค้าเบื้องต้น ทดสอบสินค้าให้ดูกันแบบจะ ๆ

รีวิวจากลูกค้า หรือ อินฟลูเอนเซอร์ (Influencer) ช่วยได้

โฆษณาอะไรก็ดีไม่เท่าการบอกต่อแบบปากต่อปาก จากลูกค้าของเรา หรืออินฟลูเอนเซอร์ (Influencer) เช่น บล็อกเกอร์ ยูทูปเบอร์ เน็ตไอดอล ซึ่งมีฐานคนติดตามแน่น การให้คนเหล่านี้ริวิวสินค้าให้ก็ช่วยให้คนหันมาสนใจสินค้าเราได้เหมือนกัน เพราะปกติแล้วเวลาจะซื้อสินค้าอะไร คนส่วนใหญ่ก็มักจะดูรีวิวก่อนเสมอ ยิ่งมีคนบอกว่าดีมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งหันมาใช้บริการมากเท่านั้น

เลือกเวลาโพสต์ให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย

จากการสำรวจพบว่าคนไทยเล่นโซชียลมิเดียมากที่สุดช่วง 6 โมง – 3 ทุ่ม การโพสต์ภาพสินค้าในช่วงเวลาดังกล่าวก็จะช่วยเพิ่มลูกค้าและยอดขายของเราได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องดูกลุ่มเป้าหมายของสินค้าเราด้วยว่าอยู่ในวัยไหน เช่น วัยเรียน ก็อาจจะโพสต์ภาพสินค้าช่วงหลังเลิกเรียนเลยก็ได้ วิธีนี้ก็อาจจะทำให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ดีกว่า โดยพ่อค้าแม่ค้าเว็บ Ruay ทุกท่าน สามารถดูข้อมูลการเข้าถึงร้านค้าของเราได้จาก Instagram’s Insight

วางแผนเรื่องการชำระเงินของลูกค้าให้ดี

ไม่ควรจำกัดวิธีการชำระสินค้าอยู่แค่โอนเงินเท่านั้น เพราะลูกค้าบางคนอาจจะอยู่ในพื้นที่ห่างไลกความเจริญ ไม่สะดวกโอน หรือต้องไปเอาเงินเข้าตู้ ATM จึงควรจัดบริการเก็บเงินปลายทาง หรือเก็บค่าบริการแบบอื่น ๆ ด้วย เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าของเรา

ตอบแชทให้เร็ว ปิดการขายให้ไว

แจ้งเตือนไอจี

เรื่องการตอบแชทก็สำคัญไม่น้อยไปกว่าเรื่องอื่น ๆ เลย ลองจินตนาการว่าตัวเราเป็นลูกค้า เราก็คงไม่ถูกใจร้านค้าที่ตอบช้าข้ามวัน ยิ่งสินค้าที่สนใจอยากซื้อต้องการใช้แบบเร่งด่วน ดังนั้นลูกค้าทักมาถามสินค้าก็ต้องรีบตอบให้ไวเลย ก่อนที่เขาจะเปลี่ยนใจไปซื้อร้านอื่น เพราะเวลาช็อปออนไลน์ คนเราเปลี่ยนใจไวจริง ๆ

ใช้ Instagram Ads ช่วยโฆษณา

ช่วงแรก ๆ ร้านของเราอาจจะยังไม่เป็นที่รู้จักสักเท่าไหร่ ก็สามารถใช้บริการ Instagram Ads เพื่อเป็นการเปิดการมองเห็น ให้ผู้ใช้สามารถเห็นร้านของเราด้วยการกำหนดกลุ่มเป้าหมาย เพศ อายุ ความสนใจ ตามวันเวลาและงบประมาณที่เราจ่ายไหว จากนั้น Instagrams Ads ก็จะส่งรูปภาพร้านค้าไปขึ้นหน้าไทม์ไลน์ของกลุ่มเป้าหมายที่เรากำหนด เพียงเท่านี้เราก็จะได้ลูกค้าเพิ่มแล้ว

สรุป

การจะขายของในไอจีให้ได้ตามที่คาดหวังไว้ จำเป็นอย่างมากที่ศึกษาและทำความเข้าใจข้อมูลต่าง ๆ ในการใช้งาน IG ให้ดี ต้องใช้เวลา และเรียนรู้อาศัยเทคนิควิธีต่าง ๆ ที่ Ruay แนะนำควบคู่กันไปด้วย โดยเฉพาะการ ตั้งชื่อร้านไอจี เป็นสิ่งแรกที่ต้องให้ความสำคัญ 

ควรจะเป็นชื่อที่กระชับ โดดเด่น จำง่าย มีเอกลักษณ์ อ่านแล้วรู้ได้เลยว่าขายสินค้าอะไร หรือตั้งชื่อตรง ๆ ตามสินค้าที่ขายไปเลย เพื่อความสะดวกในการค้นหาและสามารถช่วยดึงดูดลูกค้าและเพิ่มยอดขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ เอาเป็นว่าทุกคนก็ลองนำไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับร้านค้าของตัวเองกันดู ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นแหล่งสร้างรายได้ก้อนโตให้กับเราในอนาคตก็เป็นได้

บทความแนะนำอื่นๆที่น่าสนใจ

Facebook
Twitter
Email