“หนุ่มฝรั่งหัวใจล้านนา” นั่งเครื่องบินข้ามน้ำข้ามทะเลตามแฟนสาวสวยมาดูงานที่ไทย จากนั้นควงแขนเที่ยวเมืองน่าน พอเดินไปถึงหน้าภาพ ปู่ม่านย่าม่าน ตำนานกระซิบรักบันลือโลก ทำเซอร์ไพรส์คุกเข่าขอแต่งงานสร้างอีกหนึ่งตำนานรักใหม่ ก่อนจูงมือเข้าพิธีวิวาห์แบบล้านนาสุดโรแมนติก
อาจจะทำให้ใครหลาย ๆ คนจะสงสัยว่า แล้ว ปู่ม่านย่าม่าน นี่ใครหว่า?? ทำไมต้องมาขอแต่งงานกันที่หน้าภาพนี้ด้วยหล่ะ?? เอาเป็นว่าวันนี้ Ruay จะพาไปรู้จักปู่กับย่าทั้งสองนี้ ขอบอกเลยว่า ความรักของทั้งสองนี้ยาวนานมากกว่า 500 ปีเลยทีเดียว
หากจะพูดถึงตำนานความรักที่สุดแสนจะโรแมนติก คนโดยส่วนใหญ่จะนึกถึงตำนานรักของต่างประเทศซะมากกว่า อาทิเช่น โรมิโอและจูเลียต แต่รู้กันหรือไม่ว่าที่ไทยเราก็มีตำนานรักอมตะให้ได้ชื่นชมน่าประทับใจไม่น้อยไปกว่าของเมืองนอกเลย
เหมือนดังที่เมืองแห่งนี้ที่อบอวลไปด้วยกลิ่นอายของความรักที่แสนจะโรแมนติก เข้ากับในช่วงฤดูหนาวนี้เลยทีเดียว เมืองน่าน เป็นเมืองที่ยังคงเอกลักษณ์พื้นบ้านแบบลานนาและวิถีชีวิตชาวพื้นเมืองที่เรียบ ง่ายและจริงใจแฝงเสน่ห์แบบไทยวนและไทลื้อ การดำเนินชีวิตของผู้คนที่ไม่มีการปรุงแต่ง
อีกทั้งยังมีสถาปัตกรรมที่เก่าแก่ เหมาะที่จะมาตามรอยความรักอันลือลั่นของภาพจิตรกรรมอันงดงาม และขึ้นชื่อของที่เมืองน่านแห่งนี้ภาพเขียนกระซิบรักของปู่ม่านย่าม่าน
สารบัญ
Toggleปู่ม่านย่าม่าน คือใคร??
โถ๊…โถ…. ตามหาอยู่ตั้งนานนึกว่า ปู่ม่าน ย่าม่าน เป็นใครที่ไหนที่แท้ก็… เป็นภาพวาดจิตรกรรมชิ้นหนึ่งที่สวยงามและเป็นอีกหนึ่งภาพที่ได้รับการยอมรับจากชาวล้านนา และชาวไทลื้อ ว่าเป็นภาพที่ถ่ายทอดศิลปะและวัฒนธรรมของท้องถิ่นได้อย่างดีและงดงาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเครื่องแต่งกาย รวมถึงวัฒนธรรมการใช้ชีวิต อาทิเช่น รอยสักตาตัวของหนุ่มชาวไทยลื้อ และชาวพม่า
ที่มาของภาพวาด
เดิมเป็นภาพจิตรกรรมฝาผนังที่อยู่ภายในวัดหนองบัว และ วัดภูมินทร์จังหวัดน่าน ถูกวาดขึ้นเมื่อช่วงปี พ.ศ. 2410-2417 ผลงานของ หนานบัวผัน จิตรกรเชื้อสายไทลื้อ สล่าชาวไทลื้อในสมัยเจ้าอนันตวรฤทธิเดช เป็นภาพชายผู้หนึ่งกำลังกระซิบเกาะไหล่บอกรักหญิงผู้เป็นภรรยา
สำหรับคำว่า ปู่ม่าน ย่าม่าน ไม่ได้หมายถึงคนที่อยู่ในภาพอยู่กันมานานจนแก่เป็นปู่หรือเป็นย่า แต่เป็นคำที่ใช้เรียกชาชาวพม่าที่เข้าสู่วัยที่เป็นผู้ใหญ่จะเรียกกันว่า “ปู่” สำหรับผู้หญิงก็เช่นเดียวกันเมื่อเข้าสู่วัยที่เป็นผู้ใหญ่จะเรียกกันว่า “ย่า” ส่วนคำว่า “ม่าน” หมายถึง “พม่า” ซึ่งเป็นคำเรียกของคนไทยในสมัยนั้นนั่นเองที่ใช้เรียกชาวพม่า
สำหรับที่มาของ ปู่ม่าน ย่าม่าน นั้นมาจากที่นักวิชาการได้ให้ความเห็นเอาไว้ว่า เป็นการเรียกเพื่อแสดงให้เห็นว่า ชายหญิงทั้งสองคนในภาพนั้นเป็นสามีภรรยากัน เพราะการที่ชายหนุ่มได้เกาะไหล่แตะเนื้อแตะตัวหญิงสาวในที่สาธารณะนั้นในสมัยโบราณจะแสดงออกได้อย่างนี้มีเพียงแต่คนที่เป็นสามีภรรยากันเท่านั้นหากยังไม่ได้แต่งงานไม่สามารถถูกเนื้อต้องตัวกันได้
จิตรกรรมที่แสดงถึงวัฒนธรรม
ในภาพจะเห็นได้ว่า ฝ่ายหญิงแต่งตัวเต็มยศใส่เสื้อแบบหญิงพม่าโบราณ ส่วนฝ่ายชายถอดเสื้อสักยันต์ตั้งแต่พุงลงมาถึงต้นขา ที่ท้องสักเป็นลายคาดสีดำเรียกว่า “สักลาวพุงดำ” สักสีแดงเป็นรูปคนวิ่งบริเวณหน้าอก เรียกว่าการ “สักฝาง” สักเพื่อประดับประดาตนเอง และยังสื่อความหมายอีกด้วยว่า ในบ้านของผู้ชายคนนี้มีข้าทาสบริวารจำนวนเท่าไร ซึ่งเชื่อได้ว่าชายในภาพนี้เป็นผู้มีอันจะกินมากพอสมควร ถึงได้มีบริวารอยู่มากขนาดนี้
ตำนานกระซิบรัก
นอกจากนี้แล้วภาพกระซิบรักนี้ยังมีบทบรรยายอันสละสลวยเป็นภาษาล้านนา และได้ อาจารย์สมเจตน์ วิมลเกษม ผู้เชี่ยวชาญทางด้านอักษรล้านนา มาถอดคำบรรยายของภาพนี้ออกมาอย่างไพเราะงดงาม ไว้ดังนี้ว่า
“ คำฮักน้อง กูปี้จักเอาไว้ในน้ำก็กลัวหนาว
จักเอาไว้พื้นอากาศกลางหาว ก็กลัวหมอกเหมยซอนดาวลงมาคะลุม
จักเอาไปใส่ในวังข่วงคุ้ม ก็กลัวเจ้าปะใส่แล้วลู่เอาไป
ก็เลยเอาไว้ในอกในใจตัวชายปี้นี้ จักหื้อมันไห้อะฮิอะฮี้
ยามปี้นอนสะดุ้งตื่นเวว ”
แปลออกมาเป็นภาษาไทยได้ไพเราะเพราะพริ้งที่จับใจได้ดังนี้ว่า
“ความรักของพี่จะเอาฝากไว้ในน้ำก็กลัวมันเหน็บหนาว
จะฝากไว้กับท้องฟ้า อากาศ กลางหาวก็กลัวเมฆหมอกมาขลุ้ม
จะเอาฝากไว้ในข่วง ในคุ้ม ก็กลัวเจ้ากลัวนายมาเจอะเจอแย่งรักของพี่ไป
ก็เลยเอาฝากไว้ในอกในใจขอตัวพี่ให้มันร่ำให้อะฮิ อะฮี้
ถึงน้องทุกยามสะดุ้งตื่นเววา”
ขอพรเรื่องความรัก
มีความเชื่อกันว่า ถ้าหากคู่รักที่มาบอกรักขอพรต่อหน้า ปู่ม่าน ย่าม่าน นอกจากจะทำให้มีความรักที่ยืนยาวแล้วจะทำให้มีความรักที่มั่นคงในชีวิตรักหรือชีวิตคู่อีกด้วย แต่ก่อนที่จะขอพรคู่รักจะต้องไปลอดซุ้ม พญานาคคู่ขวัญ ที่มีอายุกว่า 400 ปี อยู่ด้านหน้าอุโบสถเสียก่อน โดยต้องเดินวนลอดทวนเข็มนาฬิกาสามรอบแล้วค่อยมาขอพร แล้วคู่รักก็จะมีความรักที่ยืนยาว
สรุป
ปัจจุบันนี้รูปของปู่ม่าน ย่าม่านได้ถูกนำมาแสดงอย่างเป็นถาวรที่หอศิลป์เมืองน่าน เพื่อที่จะให้คนรุ่นหลังได้ชม และจะได้ง่ายต่อการดูแลรักษาต่อไปอีกด้วย
หากหนาวนี้ยังไม่มีแพลนไปไหนกับคนใกล้ตัวขอแนะนำที่นี่ ที่เมืองน่าน ที่สุดแห่งความโรแมนติกที่เหนือกาลเวลาอีกที่หนึ่งที่ไม่เหมือนใคร ที่ชาวบ้านยังคงดำเนินชีวิตกันอย่างเรียบง่ายไร้การปรุงแต่งที่จะทำให้เราหลงรักจนไม่อยากกลับบ้านเลยทีเดียว