ความเชื่อ ความศรัทธามีคู่มากับเราชาวไทยพุทธมาแต่โบราณ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องรางของขลัง รวมไปถึงคาถาต่าง ๆ ถ้าจะกล่าวถึงคาถาที่สุดยอดศักดิ์สิทธิ์ต้องมีนี้เป็นหนึ่งอย่างแน่นอน คาถามงกุฎพระพุทธเจ้า บางท่านอาจจะไม่รู้จักแต่ถ้าบอกว่า “คาถาอิติปิโสเรือนเตี้ย” คงจะร้องอ๋อ….กันแน่นอน
สุดยอดพระคาถานี้ เป็นคาถาเสกหญ้าให้ม้ากิน ที่หลวงปู่เอี่ยมถวายแก่ ร.5 เมื่อครั้งเสด็จประพาสยุโรปมี เป็นพระคาถาศักดิ์สิทธิ์ที่นิยมใช้กันมายาวนานแต่อดีต ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 และ รัชกาลที่ 6 ซึ่งคาถามงกุฎพระเจ้านี้ได้ปรากฎเป็นปาฏิหาริย์อยู่หลายครั้งครา วันนี้ Ruay 365 จะพาไปรู้จักกับพระคาถาที่ศักดิ์สิทธิ์นี้ และเคล็ดลับการสวดพระคาถามงกุฎพระพุทธเจ้าที่ถูกต้อง พร้อมคำแปล ว่าต้องสวดพระคาถามงกุฎพระพุทธเจ้าอย่างไร
สารบัญ
Toggleที่มาของคาถามงกุฎพระพุทธเจ้า
เป็นพระคาถาที่ หลวงปู่เอี่ยม วัดโคนอน ได้ถวายให้แก่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เมื่อครั้งก่อนที่จะเสด็จประพาสยุโรป เพื่อป้องกันภัยอันตรายต่าง ๆ โดยทรงพระคาถานี้เป็นประจำ
ก่อนที่ในหลวงรัชกาลที่ 5 จะเสด็จประพาสยุโรป พระองค์ท่านได้เสด็จพระราชดำเนินเป็นการส่วนพระองค์ เข้าถวายนมัสการ “หลวงปู่เอี่ยม” วัดโคนอน เพื่อขอรับคำพยากรณ์ก่อนที่จะเสด็จประพาสยุโรป ครั้งที่ ๑ เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๔๐
“ที่รูปมาในวันนี้ (“รูป” เป็นคำที่พระมหากษัตริย์สมัยก่อนใช้แทนพระนามเมื่อมีพระราชดำรัสกับพระสงฆ์) เพื่อขอให้ท่านปลัดได้ช่วยตรวจดูเหตุการณ์ว่า การที่รูปจะเสด็จไปยุโรปเพื่อเจริญสัมพันธไมตรีกับราชสำนักในยุโรปนั้น จักเป็นอย่างไรบ้าง ด้วยหนทางไกลและอันตรายมีอยู่รอบด้าน”
หลวงปู่เอี่ยมท่านได้เข้าสู่ฌานกำหนดจิตไว้มั่นเพื่อให้เกิดนิมิต หลังจากนั้นท่านได้กล่าวกับในหลวงรัชกาลที่ 5 ว่า
“มหาบพิตร การเสด็จพระราชดำเนินสู่ยุโรปครั้งนี้ จะต้องประสบภัย ๒ ครั้ง ครั้งแรกในทะเลที่วังวน อาตมาจะถวายผ้ายันต์พิเศษและคาถากำกับ เมื่อเข้าที่คับขันขอให้ทรงเสด็จไปยืนที่หัวเรือ แล้วภาวนาคาถากำกับผ้ายันต์แล้วโบกผ้านั้น จะเกิดลมมหาวาตะพัดให้เรือหลุดจากการเข้าสู่วังวนได้”
“ภัยครั้งที่สองเกิดจากสัตว์จตุบาท (สี่เท้า) คืออัศดรชาติอันดุร้ายที่ฝ่ายตรงข้ามจะทดสอบพระบารมีของพระองค์ อาตมาจะถวายคาถาพิเศษสำหรับภาวนาเวลาถอนหญ้าให้อัศดรอันดุร้ายนั้นกิน จะคลายพยศและสามารถประทับบังคับให้ทำตามพระราชหฤทัยได้เหมือนม้าเชื่อง”
(คาถาเสกหญ้าให้ม้ากินที่หลวงปู่เอี่ยมถวายนั้น คือ “คาถาอิติปิโสเรือนเตี้ย” )
คาถามงกุฎพระพุทธเจ้า (คาถาอิติปิโสเรือนเตี้ย)
คำแปลคาถามงกุฎพระพุทธเจ้า
ขออัญเชิญคุณแห่งพระพุทธเจ้าอันวิเศษ
คุณแห่งกระแสพระนิพพานอันประเสริฐ
ซึ่งพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ทรงสรรเสริญแล้ว
จงเป็นมหาวิภูษิตาภรณ์ประดับด้วยมงกุฎทิพย์
และเครื่องทรงแห่งพระเจ้ามหาจักรพรรดิ
ครอบคลุมข้าพเจ้าตลอดกาลทุกเมื่อเทอญ
เคล็ดในการสวดคาถามงกุฎพระพุทธเจ้าที่ถูกต้อง
ในการที่จะสวดพระคาถาไม่ว่าจะพระคาถาใดก็ตาม เพื่อให้คาถามีความศักดิ์สิทธิ์มากขึ้นได้ผลดีมีพื้นฐานสำคัญอยู่ที่ จิต เพราะว่าถ้าจิตเรามีสมาธิดีก็จะได้ผลดี โดยระหว่างที่กล่าวบทสวดให้จับลมหายใจไปพร้อม ๆ กับการภาวนาไปด้วย โดยไม่เกร็งหรือกังวล ปล่อยจิตให้สบาย ตั้งกำหนดพุทธนิมิตและตั้งกำลังใจก่อนสวด คาถามงกุฎพระพุทธเจ้า อย่าลืมตั้งจิตให้มั่นเป็นสมาธิ แล้วกล่าวอย่างตั้งใจดังนี้
“ขอกราบอาธารณาบารมีพระพุทธเจ้าเสด็จประทับเหนือเศียร์เกล้าของข้าพเจ้าเพื่อ……..…ปกปักรักษา คุ้มครองข้าพเจ้าด้วยเทอญ”
“อิติปิโส วิเสเสอิ อิเสเสพุทธนาเมอิ อิเมนา พุทธตังโสอิ อิโสตังพุทธปิติอิ”
เมื่อว่าคาถาจบ คาบที่ 1 ก็กำหนดอาราธณาพุทธนิมิตอยู่เบื้องหน้าของศีรษะของเรา และ ทรงพุทธนิมิตนี้เอาไว้
“อิติปิโส วิเสเสอิ อิเสเส พุทธนาเมอิอิเมนา พุทธตังโสอิ อิโสตัง พุทธปิติอิ”
ว่าคาถาจบที่ 2 ก็กำหนดพุทธนิมิตอีกพระองค์หนึ่ง อยู่เบื้องขวาของศีรษะของเรา และ ทรงพุทธนิมิตทั้งหมดเอาไว้
“อิติปิโส วิเสเสอิ อิเสเสพุทธนาเมอิ อิเมนา พุทธตังโสอิ อิโสตังพุทธปิติอิ”
ว่าคาถาจบที่ 3 ก็กำหนดพุทธนิมิตอีกพระองค์ อยู่ด้านหลังของศีรษะเรา และ ทรงพุทธนิมิตเอาไว้
“อิติปิโสวิเสเสอิ อิเสเส พุทธนาเมอิ อิเมนา พุทธตังโสอิ อิโสตังพุทธปิติอิ”
ว่าคาถาจบที่ 4 ก็กำหนดพุทธนิมิตอีกพระองค์ อยู่ด้านซ้าย และ ทรงพุทธนิมิตเอาไว้
“อิติปิโส วิเสเสอิ อิเสเสพุทธนาเมอิ อิเมนา พุทธตังโสอิ อิโสตังพุทธปิติอิ”
ว่าคาถาจบที่ 5 ก็กำหนด พุทธนิมิตอีกพระองค์อยู่ด้านตะวันออกเฉียงเหนือของศีรษะของเรา และ ทรงพุทธนิมิตเอาไว้
“อิงติปิโสวิเสเสอิ อิเสเส พุทธนาเมอิ อิเมนา พุทธตังโสอิ อิโสตังพุทธปิติอิ”
ว่าคาถาจบที่ 6 ก็กำหนดพุทธนิมิตอีกพระองค์ อยู่ด้านตะวันออกเฉียงใต้ของศีรษะของเรา และ ทรงพุทธนิมิตเอาไว้
“อิติปิโส วิเสเสอิ อิเสเส พุทธนาเมอิ อิเมนาพุทธตังโสอิ อิโสตัง พุทธปิติอิ”
ว่าคาถาจบที่ 7 ก็กำหนดพุทธนิมิตอีกพระองค์ อยู่ด้านตะวันตกเฉียงใต้ของศีรษะของเรา และ ทรงพุทธนิมิตเอาไว้
“อิติปิโส วิเสเสอิ อิเสเส พุทธนาเมอิ อิเมนาพุทธตังโสอิ อิโสตัง พุทธปิติอิ”
ว่าคาถาจบที่ 8 ก็กำหนดพุทธนิมิตอีกพระองค์ อยู่ด้านตะวันตกเฉียงเหนือของศีรษะของเรา และ ทรงพุทธนิมิตเอาไว้ทั้ง 8 พระองค์เรียงวนรอบศีรษะของเรา
“อิติปิโส วิเสเสอิ อิเสเสพุทธนาเมอิ อิเมนา พุทธตังโสอิ อิโสตังพุทธปิติอิ”
ว่าคาถาจบที่ 9 กำหนดพุทธนิมิตพระพุทธเจ้าองค์ใหญ่เสด็จประทับกึ่งกลางศีรษะเป็นยอดมงกุฎเปล่งประกายพรึก ทุกๆพระองค์เป็น มงกุฎเพชรพระพุทธเจ้าทั้งเก้าพระองค์บนเศียรเกล้าของเรา
นอกจากนี้แล้วยังมีพระอาจารย์ชื่อดังหลายท่านได้ยังนำเอา คาถามงกุฎพระพุทธเจ้า มาเผยแพร่อีกหลายท่าน อย่าง หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม จังหวัดชัยนาท และ หลวงพ่อฤาษีลิงดํา วัดท่าซุง
คาถามงกุฎพระพุทธเจ้า ของ “หลวงพ่อกวย”
เป็นคาถาเป่ากระหม่อมผูกเป็นยันต์สักบนหัวคุ้มครองเตือนภัยได้ดีนักแล
คาถามงกุฎพระพุทธเจ้า ของหลวงพ่อฤาษีลิงดํา
พุทธคุณของคาถามงกุฎพระพุทธเจ้า
พุทธคุณของพระคาถานี้เรียกได้ว่าครอบจักรวาลกันเลยที่เดียว ไม่ว่าจะช่วยให้แคล้วคลาดปลอดภัย ป้องกันเภทภัยหรือภยันอันตราย อุบัติเหตุ เปลี่ยนจากหนักให้เป็นเบา จากร้ายให้กลายเป็นดี ป้องกันสิ่งไม่ดีชั่วร้าย ขับไล่เสนียดจัญไร อาถรรพ์ต่าง ๆ รวมถึงแก้เคล็ดปีชง เบญจเพส และราหู ทั้งยังช่วยเสริมดวง ช่วยให้มีความเป็นเลิศทางด้านเมตตามหานิยม มหาเสน่ห์ เป็นที่รักแก่มนุษย์และเหล่าเทพเทวดาทั้งหลาย
ช่วยให้การติดต่อเจรจาราบรื่น การงานคล่องตัว ไร้ซึ่งอุปสรรค เรียกทรัพย์ให้ไหลมาเทมา กิจการการงานเจริญรุ่งเรือง และส่งเสริมเพิ่มพูนหนุนดวง สืบชะตา เพิ่มอำนาจวาสนาบารมี นอกจากนี้ยังช่วยให้จิตเป็นสมาธิ สงบนิ่ง อยู่ในศีลธรรม ทำให้ชีวิตพบเจอแต่หนทางสว่าง
สรุป
แต่โบราณนั้นพระคาถามงกุฎพระพุทธเจ้า จะใช้สำหรับในการภาวนาสักการะพระบรมธาตุ พระพุทธปฏิมา พระเจดีย์ทั้งปวง แต่โบราณมากำหนดเอาพระคาถานี้ใช้อัญเชิญพระบรมธาตุเสด็จโดยปาฏิหาริย์ หากทุกท่านสามารถสวดได้แล้วจะเข้าใจได้ว่าคาถานี้ทำไมจึงมีชื่อว่า คาถามงกุฎพระพุทธเจ้า ให้ทรงมงกุฎพระพุทธเจ้านี้เอาไว้ตลอดเวลาเป็นการทรงอารมณ์ในพุทธานุสตกรรมฐาน
การสวดคาถาถึงจะได้ผลดี แต่หากใช้สวดในทางที่ผิดคาถาก็จะไม่ต่างจากตัวหนังสือธรรมดาทั่วไป เมื่อมีคาถาดี ๆ ก็ต้องประพฤติตัวดี รักษาศีล 5 หมั่นทำบุญกันด้วยนะ เชื่อว่าหากทำได้ไม่ว่าคาถาใด ๆ สามารถส่งผลดีกลับมายังผู้สวดแน่นอน
บทความที่เกี่ยวข้อง