บอนไซ

บอนไซ เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับไม้มงคล ยอดนิยม ปลูกแล้วรวย ช่วยเรียกทรัพย์

หลาย ๆ คนคงจะเคยเห็นการรังสรรค์ศิลปะบนผนัง บนกำแพง บนผืนผ้า หรือแม้กระทั่งบนเรือนร่าง แต่คงไม่ค่อยมีใครได้เห็นงานศิลปะบนต้นไม้กันมากเท่าไหร่นัก การค่อย ๆ บรรจงเลี้ยง บอนไซ ตัดแต่งกิ่ง ให้ออกมาสวยงาม ก็เปรียบเสมือนกับการจรดพู่กันลงบนงานมาสเตอร์พีซชิ้นหนึ่ง ที่ต้องอาศัยทั้งความใจเย็น การเอาใจใส่ ความรู้ชำนาญการ ความเพียรพยายาม และระยะเวลา กว่าจะสวยสมบูรณ์เป็นที่น่าพอใจ 

และเพราะบอนไซ เป็น ไม้มงคล ที่มาจากการปลูกของผู้หลงใหลในพันธุ์ไม้ชนิดนี้จริง ๆ จนได้ชื่อว่าเป็นศิลปินชั้นเยี่ยม เหตุนี้นี่เองจึงทำให้บอนไซกลายเป็น ต้นไม้ราคาแพง ที่หลาย ๆ คนพร้อมใจลงทุนลงแรงไปกับเสน่ห์ที่ไม่เหมือนใคร ปรับเปลี่ยนดัดแปลงรูปทรงได้ตามจินตนาการ การปลูกบอนไซจึงถูกจัดให้เป็นความเพลิดเพลินรูปแบบหนึ่ง ส่วนใครที่ยังไม่เข้าใจถึงความงดงามของบอนไซ วันนี้ Ruay 365 จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกัน

บอนไซ คือ

ก่อนที่จะลงลึกไปในรายละเอียดต่าง ๆ เรามาทำความรู้จักกับภาพรวมกว้าง ๆ ของ บอนไซ กันก่อนว่าคืออะไร โดย บอนไซถือได้ว่าเป็นศิลปะในญี่ปุ่นแขนงหนึ่งที่พัฒนาขึ้นให้มีลักษณะเฉพาะไม่เหมือนใคร เป็นการเพาะต้นไม้ลงในกระถางขนาดเล็กแล้วดูแลอย่างทะนุถนอม เน้นย่อส่วนต้นไม้ใหญ่ในป่าธรรมชาติให้มาอยู่ในกระถางต้นไม้ (การจำลอง) 

เพื่อที่จะทำให้เหมือนกับต้นไม้ใหญ่ในป่า จึงมีการดัดแต่งกิ่งก้านให้โค้งงอ ใช้ลวดยึดไว้ให้อยู่กับที่ หรือให้รากไต่กิ่งก้านบนโขดหิน สิ่งสำคัญคือบอนไซไม่ดูเพียงแค่รูปทรง หรือภาพลักษณ์ที่ถูกย่อลงมาอยู่ในกระถางให้ชื่นชมเท่านั้น แต่ยังต้องให้การดูแลเอาใจใส่ดูถึงจุดอื่น ๆ ด้วยทั้งราก ลำต้น กิ่ง ก้านและใบ ที่ต้องอาศัยทั้งเวลาและความรู้ชำนาญการ จนอาจกล่าวได้ว่าเป็นศิลปะรูปแบบหนึ่ง

5 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ บอนไซ 

เมื่อทราบกันไปแล้วว่าบอนไซ คืออะไร คราวนี้เราจะมาเริ่มทำความรู้จักบอนไซให้มากขึ้นไปอีกขั้น เผื่อว่าคุณอาจจะอยากได้มาครอบครองซักต้น จนกระทั่งบางรายจากความตั้งใจซื้อมาเพื่องานอดิเรก กลายเป็นเรื่องค้าขายไปเลยก็มี กับ 5 เรื่องเกี่ยวกับบอนไซที่คุณอาจไม่เคยรู้ ดังต่อไปนี้

จุดกำเนิดและประวัติบอนไซ

มนุษย์รู้จักการดูแลต้นไม้แบบบอนไซมาแล้วกว่าหลายพันปี การทำสวนบอนไซโบราณนี้มีจุดกำเนิดในประเทศจีนที่รู้จักกันในชื่อ “Penzai” และได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่ภายใต้อิทธิพลของศาสนาพุทธในประเทศญี่ปุ่น

แรกเริ่มการปลูกบอนไซเป็นงานอดิเรกทั่วไปของชาวญี่ปุ่น แต่การดูแล จัดแต่งทรง คอยให้น้ำ การเฝ้ามองต้นไม้ 1 ต้นเติบโตขึ้นมานั้น จำเป็นต้องใช้เวลายาวนานพอสมควร ทำให้ในยุคนั้นผู้ที่เล่นบอนไซเหลือแต่คนที่ใจรักมากจริง ๆ เท่านั้น และส่วนใหญ่จะเป็นคนในช่วงอายุสูงวัยที่พอจะมีเวลาเหลือ 

ทำให้หลังจากนั้นค่านิยมการปลูกบอนไซในประเทศญี่ปุ่นกลายเป็นค่านิยมที่ดูแก่และไม่ทันสมัย แต่ในขณะเดียวกันในช่วงยุคปี 1990 เป็นต้นมา บอนไซก็เริ่มเป็นที่นิยมในหมู่ชาวต่างชาติและทั่วโลกมากยิ่งขึ้น รวมถึงประเทศไทยของเราด้วย ทำให้ความสนใจในหมู่คนญี่ปุ่นเองก็ค่อย ๆ ฟื้นกลับมาฮอตฮิตอีกครั้ง

ต้นไม้ทุกชนิดสามารถนำมาสร้างเป็นบอนไซได้

บอนไซคือการจำลองต้นไม้ให้เหมือนต้นไม้ใหญ่ที่เราพบเห็นตามธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นป่า ต้นไม้ที่เอนลงมาจากหน้าผา ต้นไม้ที่มีพุ่มกิ่งละเอียดสวยงาม ให้สามารถปลูกในกระถางขนาดเล็ก ฉะนั้นต้นไม้เกือบทุกชนิดที่มีใบเล็กและเป็นไม้ยืนต้น จึงสามารถนำมาทำเป็นบอนไซได้ทั้งสิ้น 

แต่ไม่ควรเลือกต้นไม้ที่มียางมากมาทำบอนไซ เพราะบอนไซต้องมีการตัดแต่งเสมอ หากตัดแต่งแล้วมียางไหลเยิ้มจนเลอะเทอะ ยิ่งถ้ายางนั้นเหนียวล้างไม่ออกจะทำให้บอนไซของเราไม่น่ามอง โดย ต้นไม้ทําบอนไซ ที่นิยม อาทิเช่น

  • ตะโก เป็นไม้ยืนต้นเนื้อแข็งขนาดกลาง ลักษณะใบโต ดกหนาทึบ สีเขียวเข้ม ดอกสีเหลือง ผลมีลักษณะกลมคล้ายผลพลับ ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด
  • ไทร เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางจนถึงขนาดใหญ่ ลำต้นสีขาวอมเทา แผ่กิ่งก้านสาขาเป็นพุ่ม ชอบขึ้นริมน้ำ ใบหนา ขยายพันธุ์ด้วยการตอน ปักชำกิ่ง และเพาะเมล็ด
  • ชาฮกเกี้ยน เป็นไม้ที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศจีน เป็นไม้พุ่มขนาดกลาง มีใบสีเขียวเข้มเป็นมัน ดอกมีขนาดเล็ก สีขาว มีห้ากลีบ ผลกลม ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ดและปักชำกิ่ง    
  • ข่อย เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง ใบค่อนข้างโต ขอบใบหยัก ใบมีผิวหยาบและสาก เนื้อไม้มีสีขาวอ่อน ดอกมีขนาดเล็กสีขาวออกเป็นช่อ ขยายพันธุ์ได้ด้วยการตอนกิ่งและเพาะเมล็ด
  • ไกร เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง ลักษณะใบรูปเรียวยาวปลายแหลมคล้ายใบหอก พบมากในภาคกลาง ขยายพันธุ์โดยการตอน ปักชำกิ่งและเพาะเมล็ด  

บอนไซกว่าจะสวยสมใจใช้เวลานาน

นักเล่นบอนไซที่ดีใช่ว่าจะสร้างบอนไซได้สวยเท่านั้น แต่จำเป็นต้องเรียนรู้ลักษณะตามธรรมชาติของต้นไม้ชนิดนั้น ๆ ที่เอามาทำเป็นบอนไซด้วย ว่าชอบน้ำมากหรือน้ำน้อย ชอบแดดรำไรหรือแดดจัด ชอบดินปลูกแบบใด ดูแลใส่ปุ๋ยอย่างไร มีโรคหรือศัตรูตามธรรมชาติหรือไม่ ที่สำคัญต้องใช้เวลานานกว่าจะสวยสมบูรณ์ อย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 2 ปี สำหรับ บอนไซจิ๋ว แต่ถ้าเป็น บอนไซที่มีขนาดใหญ่ ก็จะใช้เวลานานขึ้นหลายสิบปีเลยทีเดียว

บอนไซมีหลายรูปทรง

การเลี้ยงบอนไซเป็นที่นิยมมากขึ้นในปัจจุบัน ทำให้ รูปทรงบอนไซ มีความหลากหลายและแปลกใหม่มากขึ้น โดยสามารถแบ่งลักษณะบอนไซออกตามรูปทรงที่ตกแต่งให้เป็นแบบต่าง ๆ ตามลักษณะของลำต้น 5 ชนิด ดังนี้

Chokkan
Chokkan ขอบคุณภาพจากเฟสบุ๊ก Mamena まめな Bonsai gallery
  • Chokkan (จ๊งคัง) หมายถึง บอนไซตรง ลำต้นจะมีลักษณะตรง เป็นแนวดิ่ง ลำต้นตั้งตรงทำมุม 90 องศา กิ่งและใบของด้านซ้ายและด้านขวาแทบจะเท่ากัน โคนต้นจะมีขนาดลำต้นใหญ่ที่สุด และยอดจะมีขนาดเล็กที่สุด โชว์รากที่แข็งแรง ให้ความรู้สึกมั่นคง สง่า งาม
Shakan
Shakan ขอบคุณภาพจากเฟสบุ๊ก Mamena まめな Bonsai gallery
  • Shakan (ชะคัง) หมายถึง บอนไซเอน อันเนื่องมาจากลม เป็นลักษณะที่โดดเด่นอีกแบบของบอนไซ ต้นบอนไซจะเอนไปด้านใดด้านหนึ่ง มีมุมประมาณ 60 – 80 องศา โคนต้นจะไม่อยู่ตรงกลาง อยู่ตรงข้ามกับทิศที่เอนไป เพื่อรักษาสมดุล ความหนาของลำต้นด้านล่าง หนากว่าด้านบน
Han-kengai
Han-kengai ขอบคุณภาพจาก pinterest.com
  • Han-kengai (ฮัง-เคงไก) หมายถึง บอนไซตกกระถาง บอนไซรูปทรงกึ่ง ๆ น้ำตก มักพบต้นไม้ที่มีรูปแบบนี้อยู่ตามน้ำตก หรือบนหน้าผา เป็นต้นไม้ที่เติบโตแล้วก้มลง แต่ส่วนใหญ่จะมีกิ่งก้านสาขาอยู่เหนือขอบกระถาง และมีบางกิ่งที่ตกลงมาต่ำเท่ากระถาง แต่ไม่เลยลงมาต่ำกว่ากระถาง
Kengai
Kengai ขอบคุณภาพจากเฟสบุ๊ก Mamena まめな Bonsai gallery
  • Kengai (เคงไก) หมายถึง เป็นต้นไม้ที่อาศัยอยู่ในธรรมชาติที่อยู่บนหน้าผาสูงชัน ที่เกิดการโค้งงอลงมาอันเนื่องมาจากปัจจัยหลายประการ เช่น ลม หิมะ บอนไซรูปทรงนี้ทำได้ยาก เพราะมีทิศทางตรงกันข้ามกับการเจริญเติบโต การสร้างมักจะปลูกไว้บนที่สูง แล้วค่อย ๆ ดัดยอดให้ลงมาสู่ที่ต่ำเรื่อย ๆ กิ่งก้านสาขาจะอยู่สลับซ้าย-ขวา เพื่อรักษาสมดุล แต่จะมีกิ่ง ๆ หนึ่งที่อยู่บนยอดสุดเหนือขอบกระถาง คล้ายมงกฏ นอกนั้นจะอยู่ใต้ขอบกระถางหรือต่ำกว่าก้นกระถาง กิ่งก้านสาขาที่ต่ำกว่าขอบกระถางจะมีเยอะกว่ากิ่งที่เหนือกระถาง 
Seki-Joju
Seki-Joju ขอบคุณภาพจาก youtube.com
  • Seki-Joju (เชะกิ-โจยุ) หมายถึง บอนไซเกาะหิน ตามธรรมชาติที่เป็นหิน ต้นไม้มักจะมีรากที่ชอนไชเพื่อหาสารอาหาร รากจะเข้าไปในร่องที่แตกของหิน ต้นไม้เหล่านี้จะมีรากที่แข็งกว่าปกติ เพื่อปกป้องตัวเองจากแสงอาทิตย์–รากต้นไม้ทั่วไปอยู่ใต้ดิน จึงไม่จำเป็นต้องปกป้องจากแสงแดด ต้นไม้ที่มักนำมาทำเป็นบอนไซเกาะหิน คือ สนจูนิเปอร์ และ ไทร

นอกจากรูปทรงของบอนไซยอดนิยมทั้ง 5 แบบข้างต้นแล้ว บอนไซยังมีลักษณะรูปทรงแบ่งย่อยอีกหลายแบบมากมาย และมีรูปแบบแปลกใหม่เกิดขึ้นเรื่อย ๆ ตามจินตนาการของผู้ปลูก และสามารถเลือกเล่นได้ตามความชอบและความถนัดได้เลย

บอนไซ งานอดิเรกสร้างเงิน

ปัจจุบันกระแสของ “บอนไซ” ก็ยังดำเนินไปเรื่อย ๆ ด้วยจุดเด่นที่เป็นไม้เลี้ยงเพื่อความสวยงาม หลายคนนิยมเลี้ยงบอนไซเพื่อให้ได้อยู่กับธรรมชาติมากขึ้น สงบจิตใจได้มากขึ้น หลังจากฝึกฝนเรียนรู้จับทางวิธีเลี้ยงจนชำนาญมากขึ้น บางรายจากความตั้งใจซื้อมาเพื่องานอดิเรก แต่กลายเป็นเรื่องค้าขายไปเลย

โดยบอนไซที่พร้อมขายได้จะใช้เวลาตั้งแต่ปลูกจนถึงขาย ตั้งแต่ 6 เดือน – 2 ปี ราคาจำหน่ายมีหลักเกณฑ์และรูปแบบการจำหน่ายที่แตกต่างกันไป ถูกแพงขึ้นอยู่กับขนาด ความสวยงาม ตลอดจนความพอใจของลูกค้า 

ยิ่งรูปทรงดี รากเดินรูปทรงสวยงามแข็งแรง ใบตั้งเป็นพุ่มสยายสวยงาม กะลาสวย และจัดวางในกระถางหรือภาชนะที่เข้ากัน รวม ๆ กันแล้วจะยิ่งได้ราคาดี ส่วนใหญ่เริ่มต้นที่กระถางละ 300 – 4,500 บาท

ขั้นตอนการปลูกและการเพาะเลี้ยงบอนไซ สำหรับมือใหม่

ปลูกบอนไซ แบงค์ วงแคลช
แบงค์ วงแคลช กำลังตัดแต่งกิ่งบอนไซ ขอบคุณภาพจากอินสตาแกรม bankclash2019

ความที่เป็นศิลปะต้นไม้บอนไซมีหลายประเภท สำหรับมือใหม่ที่ชื่นชอบบอนไซ ควรเริ่มจากหาข้อมูลเบื้องต้นก่อน ไม่ว่าจะเป็นความเหมาะสมของสถานที่ สายพันธุ์ที่เหมาะสม มีเวลาเพียงพอในการดูแลแค่ไหน อาจจะลองเริ่มเลี้ยงจากสายพันธุ์ที่อดทน เลี้ยงง่าย โตไว ในราคาไม่แพงดูก่อน หลังจากนั้นค่อยต่อยอดไป โดย วิธีปลูกบอนไซ หลัก ๆ ที่ต้องรู้มี 3 ข้อ ดังต่อไปนี้

หาต้นตอ

หากเราจะเลี้ยงบอนไซด้วยฝีมือเราเองก็ต้องเริ่มตั้งแต่เพาะเมล็ดไม้ หรือไปขุดต้นตอที่มีอายุ 5-6 เดือนจากป่า แต่นั่นก็อาจจะดูยากเย็นเกินไป สามารถซื้อตอที่เขาขุดมาขายตาม ตลาดต้นไม้ ก็ได้ 

เมื่อได้เมล็ดมาปลูกแล้ว ต้นที่งอกจากเมล็ดอายุได้ 2 เดือนก็นำมาปลูกลงกระถาง พอตั้งตัวได้ก็เริ่มให้ปุ๋ย พอต้นตออายุประมาณ 5-6 เดือน ก็เริ่มจำกัดเรื่องปุ๋ยและน้ำเพื่อไม่ให้ต้นตอโตเร็วเกินไป เมื่อได้ต้นตอมาแล้วไม่ว่าจะวิธีใดก็ตาม ตัดยอดออกให้เหลือตอสูงประมาณ 1 ฟุต ตัดแผลให้ตรงอย่าให้เบี้ยวหรือเฉียง แล้วรอให้แตกกิ่งใหม่

ดัดตัดแต่งกิ่ง

ประมาณ 2-3 เดือนหลังจากตัดยอด กิ่งใหม่ก็จะเริ่มแตก หากกิ่งที่แตกออกมาแล้วดูไม่สวยให้เด็ดทิ้งไปก่อน แล้วจึงรอให้แตกกิ่งใหม่ออกมาอีก จนกระทั่งได้กิ่งที่สวยสมใจแล้วจึงเริ่มดัดตัดแต่งกิ่งไปเรื่อย ๆ 

วิธีดัดใช้ลวดปักลงในดินบริเวณโคนต้นแล้วพันขึ้นไป จากนั้นดัดซ้ายดัดขวาตามกิ่ง คอยดัดให้ได้ลีลาตามต้องการ ในช่วงที่ต้นไม้แตกกิ่งแตกใบใหม่ต้องรอให้กิ่งและใบเหล่านั้นแก่เสียก่อนจึงพันลวด เพราะกิ่งอ่อนมักจะเปราะและหักง่าย และตัดแต่งกิ่งอยู่เสมอ ๆ เมื่อดัดไป 3-4 เดือนเอาลวดออกแล้วพันใหม่อยู่เรื่อย ๆ เมื่อเลี้ยงจนได้รูปทรงแล้วก็แกะลวดออกได้ 

การเปลี่ยนดิน การดูแลใส่ปุ๋ย

บอนไซ แต่ละชนิดมีความต้องการแตกต่างกันไป ผู้เลี้ยงบอนไซจึงควรทำความรู้จักกับแต่ละสายพันธุ์ที่ตัวเองสนใจ โดยหลัก ๆ แล้ว ปุ๋ยที่ใช้ควรเน้นไปทางชีวภาพ เพื่อต้องการรักษาสภาพดิน เนื่องจากบอนไซมีพื้นที่ที่จำกัดอยู่ในกระถาง โดยปกติก็จะใส่ปุ๋ยเดือนละครั้ง

หลังจากปลูกไปแล้วประมาณ 1-2 ปี ธาตุอาหารในดินจะหมดไปและรากก็จะเริ่มเต็มกระถาง เราต้องเปลี่ยนดินใหม่ โดยใช้ส่วนผสมของดิน ทราย ขุยมะพร้าว หรือขี้เถ้าแกลบ ก่อนที่จะนำต้นลงปลูกจะต้องตัดปลายรากออกประมาณ 1 ใน 4 เพื่อให้รากแตกแขนงออกมาใหม่และหาอาหารได้ดีขึ้นเมื่อเลี้ยงไปได้ประมาณ 2-3 ปี โดยต้นก็จะเริ่มอวบอ้วนขึ้นเรื่อย ๆ เริ่มเห็นความสวยงามของบอนไซ

ความเชื่อ บอนไซ ไม้มงคล

นอกจากความสวยงาม ความพิถีพิถันในการ ปลูกบอนไซ ที่เปรียบได้ดั่งศิลปะแขนงหนึ่งแล้ว บอนไซยังถือเป็น ต้นไม้มงคล ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดย ความเชื่อ และ ความหมาย ของบอนไซในแต่ละประเทศก็ล้วนแล้วแต่เป็นความหมายที่ดี อาทิเช่น

  • ความเชื่อของไทย บอนไซช่วยเสริมฮวงจุ้ย มั่นคงร่ำรวยทางธุรกิจ ค้าขายรุ่งเรือง เป็นสัญลักษณ์ของบารมี ร่มเย็น สงบสุข อายุยืน แข็งแรง
  • ความเชื่อของจีน ต้นบอนไซ คือความสมดุลระหว่างหยินกับหยาง ความพอดี ความเท่าเทียมที่นำมาซึ่งความโชคดี
  • ความเชื่อของญี่ปุ่น บอนไซเปรียบเสมือนศิลปะประจำชาติของญี่ปุ่น เชื่อว่าปลูกแล้วจะช่วยส่งเสริมให้ผู้ปลูกมีความอดทน และสามารถเอาตัวรอดได้ในทุกสถานการณ์

ฮวงจุ้ย การปลูกบอนไซ

ด้วยความที่ บอนไซ เป็นไม้มงคล ฉะนั้นตามความเชื่อแล้ว การปลูกต้นไม้ตามหลักฮวงจุ้ย มีผลต่อความเป็นอยู่ของคนในบ้านและผู้ปลูก โดยการปลูกบอนไซนิยม ปลูกหลังบ้าน เนื่องจากเป็นต้นไม้ที่ขนาดไม่ใหญ่เกินไปหรือไม่สูงกว่าตัวบ้าน สามารถรสร้างความสว่างให้กับบ้านเพื่อเปิดรับโชคลาภได้เป็นอย่างดี แต่ไม่ควรปลูกขวางทางประตู เพราะถือว่าบดบังทางเข้าของทรัพย์สินเงินทอง

วิธีขอหวยจากบอนไซ

โดยปกติแล้วการ ขอหวยกับต้นไม้ มักจะไปขอกับต้นไม้ที่มีขนาดใหญ่ มีอายุหลายร้อยปี เชื่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ บรรพบุรุษในอีตคอยปกปักรักษาและสถิตอยู่ในนี้ หรือไม่ก็เลือกต้นไม้ที่เป็นมงคล สำหรับ วิธีขอหวยจากบอนไซ สังเกตได้จากการออกดอก หรือออกกิ่งก้านใหม่ แปลว่าผู้ปลูกกำลังจะมีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้นในชีวิต ให้เริ่มปฏิบัติการส่องเลขเด็ด โดยวิธีดังนี้

  • นำแป้งมาทาบริเวณใบหรือดอก จากนั้นใช้นิ้วมือลูบไปเรื่อย ๆ แล้วมองหาดูรอยแป้งที่รวมตัวที่จะสามารถมองเห็นเป็นตัวเลข ซึ่งรอยตัวเลขบางรอยก็เห็นได้ชัดหรืออาจจะเห็นไม่ชัด ขึ้นอยู่กับการใช้สมาธิเพ่งมองหาตัวเลข
  • เมื่อได้ตัวเลขมาแล้วอาจจะเข้าตรง ๆ หรือต้องบวกลบหน้าหลังกันบ้าง เล่นกลับไปกลับมาก็ขึ้นอยู่กับดวงของผู้เสี่ยงโชค
  • เซียนเล่นหวยแนะนำว่า การขอหวยกับต้นไม้ในช่วงกลางคืนจะได้ผลดีกว่าช่วงกลางวัน เพราะบรรยากาศที่เงียบ สงบ วังเวง ไร้แสงสว่าง มีเพียงแสงไฟจากไฟฉาย จะทำให้เห็นตัวเลขที่แม่นยำขึ้น ชัดขึ้น มากกว่าตอนกลางวันหลายเท่าเลยทีเดียว หากใช้เทียนจะยิ่งเพิ่มความขลังมากขึ้น

สรุป

หลายคนอาจจะคิดว่า บอนไซ เป็นชื่อต้นไม้ชนิดหนึ่ง แต่จากข้อมูลที่ Ruay ได้อธิบายไปนั้น จะรู้ว่าจริง ๆ แล้วไม่ใช่ เพราะต้นไม้ทุกชนิดสามารถนำมาสร้างเป็นบอนไซได้ โดยเป็นการย่อส่วนต้นไม้ใหญ่ในป่าธรรมชาติให้มาอยู่ในกระถางต้นไม้ตามรูปทรงลีลาที่สวยงาม 

แต่กว่าจะออกมาเป็น ต้นบอนไซ ที่สวยสมบูรณ์จะต้องอาศัยหลาย ๆ ปัจจัย ทั้งการเอาใจใส่ ความรู้ชำนาญการ ความเพียรพยายาม และระยะเวลา จนอาจกล่าวได้ว่า บอนไซคือชื่อเรียกงานศิลปะจากต้นไม้

ทั้งนี้บอนไซ ยังถือเป็นไม้มงคล ที่เชื่อกันว่า ช่วยเสริมฮวงจุ้ย เสริมความเป็นสิริมงคล เสริมความร่ำรวย และให้โชคลาภ จึงไม่แปลกเลยที่ใครหลาย ๆ คนจะยกให้ต้นไม้ชนิดนี้เป็น ต้นไม้ราคาแพง ที่คุ้มค่ากับการลงทุน เพราะนอกจากความเพลิดเพลินแล้วยังนำมาซึ่งรายได้อีกด้วย

บทความแนะนำอื่นๆที่เกี่ยวข้อง

Facebook
Twitter
Email