ล่าสุดชาวญี่ปุ่นฮือฮาทั่วทวิตเตอร์ หลังมีผู้ใช้งานคนหนึ่งโพสภาพ วัดบ้านไร่ พร้อมข้อความว่า “นี่คือวัดในไทยนะ ไม่ใช่สวนสนุก!”
เหนือสิ่งอื่นใด ผู้ใช้งานทวิตเตอร์คนนี้ ไม่ได้ตั้งใจจะดูหมิ่นหรือลบหลู่วัดบ้านไร่แต่ประการใด แต่เขากลับมองเห็นมุมแห่งจินตนาการ และความสร้างสรรค์ของคนไทยที่น่าชื่นชมยกย่องมากกว่า ซึ่งนอกจากที่วัดบ้านไร่จะมีประติมากรรมที่สวยงามมากมาย เขาก็ยังชื่นชมสถาปัตยกรรมของ “เมืองโบราณ” ที่จังหวัดสมุทรปราการอีกด้วย
ใครเคยเห็นภาพดังกล่าวบ้าง ภาพที่เห็นนี้ก็คือสถาปัตยกรรมของเมืองโบราณ โดยมีพระอุโบสถ ที่มีปลาอานนท์หนุนอยู่รอบเขาพระสุเมรุ เป็นสิ่งก่อสร้างของคนไทยที่งดงาม และสื่อให้เห็นถึงจินตนาการที่กว้างไกลมาก ชาวญี่ปุ่นจึงพากันชื่นชอบและปรบมือให้ชาวไทยกันยกใหญ่
หลังจากที่ได้ชมภาพพระอุโบสถแห่งเมืองโบราณกันไปเรียบร้อยแล้ว วันนี้ ruay 365 จะพาไปถ่ายรูปที่ “วัดบ้านไร่” ณ จังหวัดนครราชสีมา ตามไปดูกันเลยว่าที่แห่งนี้มีประวัติความเป็นมาอย่างไร และมีสถาปัตยกรรมใดที่น่าสนใจและห้ามพลาดกันบ้าง!
ประวัติ วัดบ้านไร่
ก่อนที่จะไปดูวัดที่สวยที่สุดในประเทศไทย ทราบมั้ยว่า “วัดบ้านไร่” ปัจจุบันตั้งอยู่ใน ตำบลกุดพิมาน อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา วัดแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2436 ในช่วงรัชสมัยของรัชกาลที่ 5 โดยในช่วงแรกนั้นวัดได้ถูกสร้างเพื่อเป็นสำนักสงฆ์ โดยมี “พระอาจารย์เชื่อม วิรโช” เป็นเจ้าอาวาสรูปแรกของวัด
และต่อมาในยุคที่ “หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ” เป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ก็กลับกลายเป็นช่วงที่วัดได้รับการพัฒนา บูรณะจัดสร้างให้สวยงามขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากเงินทำบุญของผู้ศรัทธาหลวงพ่อคูณนั่นเอง โดยหลวงพ่อคูณได้ก่อตั้ง “มูลนิธิหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ” ขึ้น เพื่อจัดกิจกรรมสาธารณประโยชน์เช่น สร้างวัด สร้างโรงเรียน สร้างโรงพยาบาล ฯลฯ
ทำไมเรียก วัดบ้านไร่ ว่า “วัดหลวงพ่อคูณ”
คนต่างจังหวัดอาจจะงง แต่สำหรับชาวโคราชเขาเรียกวัดบ้านไร่ว่า “วัดหลวงพ่อคูณ” กันมาตั้งนานแล้ว เพราะเนื่องมาจากชื่อเสียงและความศักดิ์สิทธิ์ของท่าน ทำให้ชาวโคราชนับถือ หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ กันอย่างแพร่หลาย และพากันเรียกวัดบ้านไร่ของท่านว่า วัดหลวงพ่อคูณ
เหตุผลที่คนนับถือ “พระเทพวิทยาคม” หรือ หลวงพ่อคูณ นั่นก็เป็นเพราะความศักดิ์สิทธิ์ของเหรียญหลวงพ่อคูณ มีคนมากมายออกมาเล่าประสบการณ์แขวนหลวงพ่อคูณ และอภินิหารหลวงพ่อคูณมากมาย บ้างก็ว่ารอดตายจากรถชน บ้างก็ว่ามีสาวโรงงานรอดตายจากเหตุไฟไหม้ จึงทำให้ตะกรุดหลวงพ่อคูณวัดบ้านไร่เป็นที่นิยมอย่างมาก และวัดก็เลยดังตามไปด้วยนั่นเอง
ความโดดเด่นของ สถาปัตยกรรม วัดบ้านไร่
นอกจากวัดบ้านไร่จะกลายเป็นวัดดังจากชื่อเสียงของหลวงพ่อคูณแล้ว ที่วัดแห่งนี้ก็ยังโดดเด่นที่สถาปัตยกรรมงดงาม สุดวิจิตรตระการตา ที่อุโบสถของวัดบ้านไร่ ถูกสร้างและตกแต่งด้วยกระเบื้องเคลือบสวยงาม แอบคล้ายกับ วัดปริวาสราชสงคราม แต่ที่วัดแห่งนี้มีความอลังการกว่ามาก
ภายในบริเวณวัดมี พิพิธภัณฑ์หลวงพ่อคูณ อุโบสถกระเบื้องเคลือบ ศาลาปริสุทธรรม และมีบริเวณพื้นที่อุทยานให้ได้สามารถเดินชมความสวยงามของสิ่งปลูกสร้างมากมาย ไปดูกันเลยว่า 5 จุดที่ห้ามพลาดในวัดบ้านไร่มีที่ไหนบ้าง!
5 จุดเช็คอิน วัดบ้านไร่ เหมือนสวนสนุกจริงไหม ไปดูกัน!
สะพานพญานาคราช 19 เศียร
จุดเช็คอินแรก ที่พลาดไม่ได้เลยก็คือ “สะพานพญานาคราช 19 เศียร” เป็นหนึ่งในรูปปั้น พญานาควัดบ้านไร่ ที่มีความอลังการและหาดูที่ไหนได้ยาก มีจำนวนทั้งหมด 2 ตน อยู่หน้าทางเดินเชื่อมไปสู่ “หอเทพวิทยาคม” พญานาคราช 19 เศียรนั้น รวมกันเป็น 38 เศียร ซึ่งมีความหมายแสดงถึง “มงคล 38 ประการ”
นอกจากนั้นที่บริเวณในบึงก็ยังมีรูปปั้นพญานาคอีกตนหนึ่งตั้งอยู่ ซึ่งเป็น พญานาค 7 เศียร ที่มีนามว่า “ท้าวสัตตะมณีรังสีนาคราช” อีกด้วย เชื่อว่ากันว่าผู้ใดได้มากราบไหว้พญานาค 7 เศียรวัดบ้านไร่ ก็จะมีโชคลาภ สมหวังดังปรารถนาทุกประการ ใครไปวัดก็ไปไหว้ท่านกันได้
วิหารเทพวิทยาคม
จุดที่พลาดไม่ได้เลยก็คือ “วิหารเทพวิทยาคม” ที่แห่งนี้เป็นหอเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา หรือเรียกว่า “อาคารปริสุทธปัญญา” เป็นอาคารสูง 5 ชั้น ที่ตั้งอยู่กลางบึงน้ำขนาด 30 ไร่ เป็นพุทธสถานในนิกายเถรวาท ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
กล่าวกันว่า หอเทพวิทยาคมประกอบขึ้นด้วยโมเสกมากกว่า 20 ล้านชิ้น ซึ่งกล่าวกันว่าเป็นแรงของชาวบ้านที่มาร่วมกันสร้าง สามารถเดินชมรอบ ๆ ได้มีรูปปั้นสวย ๆ มากมาย ตั้งอยู่ทั้งสี่ทิศของวิหาร ได้แก่…
- “พระอินทร์” ตั้งอยู่ทิศตะวันออก
- “พระยม” ตั้งอยู่ทิศใต้
- “พระพิรุณทร์” ตั้งอยู่ทิศตะวันตก
- “พระกุเวร” ตั้งอยู่ทิศเหนือ
นอกจากนั้นภายในก็ยังมีความวิจิตรสวยงาม และมีห้องจัดแสดงภาพพุทธประวัติ ต้นโพธิ์อธิษฐาน มีนิทรรศการพระราชาผู้ทรงธรรม มีห้องจัดแสดงเรื่องราวของพระธรรมปิฎก และมีห้องจัดแสดงรูปปั้นหลวงพ่อคูณ และพระพุทธเจ้าอยู่ด้วย สามารถเดินชมได้ทั้ง 5 ชั้นเลย สวยงามและน่าถ่ายรูปทุกชั้น
สะพานอายตนะ
ต่อไปเรามาดู ทางเดินไปห้องน้ำที่เก๋ที่สุด และมีความหมายมากที่สุดในไทยกัน ทางเดินนี้เรียกว่า “สะพานอายตนะ” ถ้าเปรียบวิหารเทพวิทยาคมเป็นสวรรค์แล้วล่ะก็ ที่แห่งนี้ก็คือทางลงจากสวรรค์นั่นเอง จะมีเทวดาและนางฟ้า 6 องค์ มารออนุโมทนาบุญ โดยนางฟ้าทุกองค์จะแสดงอายตนะทั้ง 6 ประการ ได้แก่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ โดยสื่อความหมายว่า “การที่เราจะทำอะไรต้องมีสติตื่นรู้เสมอ”
ห้องน้ำสุขมงคล
เมื่อผ่านสะพานอายตนะมาแล้ว เราก็จะพบกับ “ห้องน้ำสุขมงคล-สิริมงคล” ห้องน้ำที่สร้างสรรค์ที่สุดในไทย ใครมาก็ต้องเช็คอิน! โดยคอนเซ็ปต์ของห้องน้ำแบ่งออกเป็นสองฟาก ฟากชายและฟากหญิง อันบ่งบอกถึง “สมดุลภาพแห่งชีวิตที่เป็นสุข”
สุขาชาย – ก็คือ “สุขมงคล” มีความเป็นธาตุดิน และอุปมาได้ดั่ง “พ่อ” เป็นเทพแห่งราตรีผู้ที่มอบความสมดุล ให้กำเนิดพืชพันธุ์ ธัญญาหารต่าง ๆ
สุขาหญิง – ก็คือ “สิริมงคล” มีความเป็นธาตุน้ำ และอุปมาได้ดั่ง “แม่” เป็นเทพแห่งแสงสว่างอันสดใส ให้ความรัก ความงดงาม และความปรารถนา
พิพิธภัณฑ์หลวงพ่อคูณ
สถานที่สำคัญ แห่งสุดท้าย ที่พลาดไม่ได้ก็คือ “พิพิธภัณฑ์หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ” ตั้งอยู่ที่ศาลาการเปรียญ เป็นสถานที่จัดแสดงเรื่องราวชีวประวัติของหลวงพ่อคูณ ตั้งแต่เยาว์วัย ไปจนถึงประวัติคุณงามความดีของท่าน ซึ่งสิ่งของเครื่องใช้จำนวนมากเป็นของที่ได้รับการถวายมาจากผู้มีจิตศรัทธาร่วมสร้างมากมาย
สามารถไปสักการะหลวงพ่อคูณได้อีกด้วย วิธีสักการะหลวงพ่อคูณ สามารถทำได้โดยการ จุดธูป 3 ดอก และกล่าวคาถาดังนี้…
“(ตั้งนะโมฯ สามจบ) น้อมจิตถึงคุณพระรัตนตรัย ครูบาอาจารย์
พุทธัง นพไกรเข้ามาอยู่ในตัวกู ให้แคล้วคลาดศัตรู วินาสสันติ
ธัมมัง นพไกรเข้ามาอยู่ในตัวกู ให้แคล้วคลาดศัตรู วินาสสันติ
สังฆัง นพไกรเข้ามาอยู่ในตัวกู ให้แคล้วคลาดศัตรู วินาสสันติ”
คาถาดังกล่าวนี้เป็นคาถาทำให้แคล้วคลาดปลอดภัย สามารถอธิษฐานกราบไหว้หลวงพ่อคูณกันได้เลยที่ “พิพิธภัณฑ์หลวงพ่อคูณ” เพื่อจะได้เป็นสิริมงคลก่อนเดินทางกลับบ้าน
การเดินทางไป วัดบ้านไร่
หลังจากที่เห็นสิ่งที่น่าสนใจกันไปแล้ว เรามาดู วิธีเดินทางไปวัดบ้านไร่ ด้วยรถประจำทางและรถส่วนตัวกันเลย
- รถยนต์ : จากตัวเมืองนครราชสีมาไปที่วัดบ้านไร่ มีระยะห่างประมาณ 60กิโลเมตร เริ่มแรกให้มุ่งหน้าไปทางถนนมิตรภาพ เมื่อขับไปถึงเทศบาลโคกกรวดแล้วให้ U-turn เข้าถนนขามทะสอสอ-หนองสรวง ให้มองหา “โรงพยาบาลด่านขุนทด” แล้วให้เลี้ยวซ้าย จากนั้นให้ขับรถตรงไปอีก 13 กิโลเมตรจะเจอซุ้มทางเข้าวัดบ้านไร่
- รถโดยสาร : สำหรับนักท่องเที่ยวเดินทางได้ด้วยรถบัส สายนครราชสีมา-ด่านขุนทด เปิดบริการทุกวันตั้งแต่เวลา 04.30 – 20.00 น. ราคา 48 บาท จากนั้นให้นั่งรถสองแถวต่อที่ “โรงพยาบาลด่านขุนทด” เวลาทำการ 06.00 – 18.00 น. ซึ่งรถสองแถวมีราคา 20 บาทเท่านั้น ลองเดินทางไปดูกันได้! สำหรับ แผนที่วัดบ้านไร่ สามารถคลิกไปดูที่ ลิงค์ ได้เลย!
วัดบ้านไร่เปิดทุกวัน เวลา 06.00-18.00 น.
สรุปส่งท้าย
ไม่น่าแปลกใจเลยที่ชาวญี่ปุ่นกล่าวว่า วัดบ้านไร่ นั้นดูเหมือนสวนสนุก เพราะที่วัดแห่งนี้สวยงามอลังการ และมีสถาปัตยกรรมที่สร้างสรรค์มาก จนทำให้เป็นที่ประทับใจของคนทั่วโลก ใครได้ไปจะเห็นศิลปะที่แปลกตามากมาย และยังแฝงไปด้วยคติธรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ห้องน้ำสุขมงคล, สะพานอายตนะ หรือ วิหารเทพวิทยาคม
ใครยังไม่เคยไปวัดบ้านไร่ สามารถเดินทางไปได้ที่ตำบลกุดพิมาน อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา สามารถไปได้ทุกวันเลย รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่ที่ได้พาครอบครัวไปเยี่ยมชมวัดแห่งนี้ โดยเฉพาะเด็ก ๆ ต้องชอบมาก ๆ อย่างแน่นอน
บทความที่เกี่ยวข้อง
