เวลาที่รู้สึกเหนื่อย ท้อแท้ใจ ปัญหาชีวิตรุมเร้า ต้องการที่พึ่งทางใจ คนไทยมักจะหันเข้าไปพึ่งศาสนา และสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นพระพุทธรูป วัด เครื่องรางของขลัง ซึ่งสิ่งเหล่านั้นถือเป็นสิ่งที่ได้รับความนิยมในการนำไปบูชาเป็นอย่างมากสำหรับคนไทย และก็มีอีกอย่างที่คนไทยนิยมกัน นั่นก็คือ “บูชาพระพิฆเนศ” เทพในศาสนาฮินดู สัญลักษณ์แห่งปัญญา ความสำเร็จ และผู้เป็นใหญ่เหนือความขัดแย้งทั้งมวล
จะเห็นได้ชัดว่าประเทศไทย เริ่มมีการบูชา พระพิฆเนศ ตั้งแต่เมื่อสมัยกรุงศรีอยุธยา และรัตนโกสินทร์ โดยสังเกตจากการทำพระราชพิธีต่างๆ ที่มีพระพิฆเนศเข้ามาเกี่ยวข้อง อีกทั้งยังมีเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับความศักดิ์สิทธิ์ขององค์ พระพิฆเนศ และความนิยมที่ลามไปทั่วทั้งโลก เรียกได้ว่าควรค่าแก่การนำไปสักการะบูชา เพื่อเสริมสร้างบารมีให้แก่ตนเองมาก
ในประเทศไทยมีสถานที่สำหรับสักการะพระพิฆเนศอยู่มากก็จริง แต่ถ้าทุกคนไม่สามารถเลือกได้ว่าจะไปที่ไหนดี แอดมินได้ทำการรวบรวมสถานที่สำหรับสักการะพระพิฆเนศที่ดังๆ ไว้ให้แล้วในบทความนี้ค่ะ
วัดพระศรีมหาอุมาเทวี (วัดแขกสีลม)
สำหรับคนไทยแล้ว “วัดพระศรีมหาอุมาเทวี” หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า “วัดแขกสีลม” วัดฮินดูชื่อดังประจำกรุงเทพฯ ที่มีผู้คนแวะเวียนเข้ามากราบไหว้กันเป็นประจำ มีองค์พระแม่ศรีมหามารีอัมมันประดิษฐานเป็นเทพประธานอยู่กลางโบสถ์
แต่เดิมวัดแขกเปิดให้ผู้คนที่ศรัทธาในองค์พระแม่มหาอุมาเทวีเข้ามาสักการะเท่านั้น แต่ปัจจุบันได้เปิดให้ผู้คนที่สัญจรผ่านไปผ่านมาได้เข้ามาสักการะได้แล้ว สำหรับข้อจำกัดในการเข้าไปสักการะจำเป็นต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด โดยห้ามนำเนื้อสัตว์ทุกชนิดเข้าไปในวัดและห้ามให้ผู้หญิงที่มีรอบเดือนเข้าไปในบริเวณวัด เพราะถือเป็นการลบหลู่องค์เทพอย่างมาก
วิธีเดินทาง : สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ทาง ได้แก่
- ลง BTS สุรศักดิ์ (สายสีลม) ประตูทางออกที่ 3 เดินตรงไปเรื่อยๆ และเลี้ยวซ้ายก่อนถึงสถานทูตพม่า
- ลง BTS ศาลาแดง (สายสีลม) ประตูทางออกที่ 2 และนั่งรถประจำทางสาย 15, 77, 115, 163, 164, 504 ไปตามถนนสีลม วัดแขกจะอยู่ที่หัวมุมถนนสีลมและถนนปั้น
- ลง MRT สีลม ประตูทางออกที่ 4 และเดินต่อไปยังสี่แยกราชประสงค์ประมาณ 400 เมตร
ศาลพระพิฆเนศ แยกราชประสงค์ หน้า Central World
บริเวณสี่แยกราชประสงค์ ไม่ได้มีดีแค่เพียงเป็นศูนย์กลางของเศรษฐกิจและห้างสรรพสินค้าชื่อดังต่างๆ เท่านั้น ที่แห่งนี้ยังเต็มไปด้วยความศิวิไลซ์ แต่ในอีกมุมหนึ่งก็ได้สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อของคนไทยที่ไม่มีวันตัดขาดอีกด้วย โดยที่แห่งนี้จะประกอบไปด้วย 8 องค์เทพของฮินดู ได้แก่
ศาลพระตรีมูรติ ณ เซ็นทรัลเวิลด์, พระพิฆเนศวร ณ ห้างอิเซตัน, พระแม่อุมาเทวี ณ ห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี สาขาราชดำริ, พระแม่ลักษมี ณ ศูนย์การค้าเกษร, พระนารายณ์ทรงสุบรรณ ณ โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล, ท้าวอัมรินทราธิราช ณ ศูนย์การค้าอัมรินทร์พลาซ่า, ศาลท่านท้าวมหาพรหม ณ โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ และพระนารายณ์ประทับยืนบนพญาอนันตนาคราช ณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
สำหรับ พระพิฆเนศ ที่ประดิษฐานอยู่ด้านหน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ใกล้กับพระตรีมูรติ ถือเป็นเทพอันดับต้นๆ ของฮินดูที่เป็นที่รู้จักของคนไทย มีผู้แวะเวียนเข้าไปกราบไหว้เป็นจำนวนมากทุกวันไม่เคยขาดสาย ผู้คนที่แวะเวียนเข้ามามักจะมาขอพรกับพระพิฆเนศในเรื่องหน้าที่การงาน และการขอให้ชีวิตดำเนินไปอย่างราบรื่น
วิธีเดินทาง : สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ทาง ได้แก่
- BTS ชิดลม ประตูทางออกที่ 9 ซึ่งมีทางเชื่อมโดยตรงสู่อาคารเกษร พลาซ่า ต่อจากนั้นเดินทะลุอาคารเกษตรไปยังสะพานลอย เพื่อข้ามไปยังฝั่งศูนย์การค้า Isetan Central World
- BTS สยาม ประตูทางออกที่ 6 เดินตรงมาเรื่อยๆ บนทาง Sky walk แล้วเดินไปประมาณ 300 เมตร จะพบเข้ากับ Central World
ศาลพระพิฆเนศ สี่แยกห้วยขวาง
อีกหนึ่งที่สำหรับกราบไหว้สักการะองค์ พระพิฆเนศ นั่นก็คือ ศาลพระพิฆเนศห้วยขวาง ตั้งอยู่บนสี่แยกรัชดา-ห้วยขวางเป็นเทวสถานที่ท่าน อาจารย์สุชาติ รัตนสุข สร้างขึ้น เพราะสมัยก่อนบริเวณดังกล่าวเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง และเพื่อให้ผู้ที่ผ่านไปมาได้สักการะเป็นสิริมงคล จึงมีความเห็นว่าควรมีรูปเคารพองค์เทพตั้งไว้เพื่อแก้เคล็ด
ต่อมาท่านได้มอบองค์พระพิฆเนศ ให้มาประดิษฐานไว้บริเวณดังกล่าว พระพิฆเนศองค์ประธานของที่นี่เป็น ปางยืนประทานพร 1 เศียร 4 กร ทรงวัชระ บ่วง ขนมโมทกะ และงา ทรงมุทราประทานพร ก้าวเดินบนดอกบัว ตั้งอยู่ด้านหน้า ได้รับการกล่าวขานกันว่า เป็นพระพิฆเนศที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดองค์หนึ่งในประเทศไทย
วิธีเดินทาง : MRT ห้วยขวาง ประตูทางออกที่ 4
วัดสมานรัตนาราม จังหวัดฉะเชิงเทรา
วัดสมานรัตนาราม ตั้งอยู่ระหว่างอำเภอบางคล้า และอำเภอคลองเขื่อน ริมแม่น้ำบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นวัดที่มีพระพิฆเนศปางนอนเสวยสุขที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย องค์พระพิฆเนศปางนอนเสวยสุข สูง 16 เมตร ยาว 22 เมตร เนื้อชมพู ลักษณะกึ่งนั่งนอนตะแคง
โดยพระหัตถ์ซ้าย ถืองาที่ หัก พระหัตถ์ขวาถือดอกบัว โดยรอบฐานมีพระพิฆเนศ 32 ปาง ให้ได้ขอพร สักการะความหมายของพระพิฆเนศ ปางนอนเสวยสุข คือ ความสุขสบาย ความสุขบริบูรณ์มั่งคั่งพร้อมทุกด้าน
ด้านหน้าขององค์พระพิฆเนศจะมีรูปปั้นหนูอยู่สองตัวชื่อว่า “หนูมุสิกะ” โดยชาวบ้านเชื่อว่าหากไปยืนกระซิบบอกสิ่งที่ต้องการหรือขอพรให้สมหวังในสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่ข้างหูของหนูจะสมหวังดั่งที่ปรารถนา เพราะหนูจะนำสิ่งที่เราขอไปบอกพระพิฆเนศให้ประทานสิ่งที่ต้องการกลับมา
ที่สำคัญอย่าลืมติดสินบนหนูด้วย โดยการทำบุญใส่ตู้ที่วางไว้ด้านหน้า เวลาไปกระซิบบอกท่านหนู ให้เอามืออีกข้างอ้อมไปปิดรูหูของท่านหนูอีกข้างเพื่อป้องกันการฝากขอพรจะไม่เข้าหูซ้ายทะลุหูขวานั่นเอง
วิธีเดินทาง : ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ สู่จังหวัดฉะเชิงเทราใช้ถนนสุวินทวงศ์จากนั้นก่อนเข้าแปดริ้ว เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนมหาจักรพรรดิ์ข้ามแม่น้ำบางปะกง เมื่อถึงสามแยกให้เลี้ยวขวา ขับตรงไปเรื่อยๆ อีกประมาณ 3 กิโลเมตรให้เลี้ยวซ้าย ขับตรงไปเรื่อยๆ เมื่อข้ามแม่น้ำบางปะกงอีกครั้งก็จะถึงกับวัดสมานรัตนาราม
อุทยานพระพิฆเนศ จังหวัดนครนายก
อุทยานพระพิฆเนศที่จังหวัดนครนายกแห่งนี้ เกิดจาก ‘พระราชพิพัมน์โกศล’ หรือ ‘หลวงพ่อเณร’ เจ้าอาวาสวัดศรีสุดารามวรวิหาร พร้อมด้วยคณะศิษย์ที่มีความเคารพนับถือในองค์พระพิฆเนศ ได้ดำเนินการจัดสร้างอุทยานพระพิฆเนศ ซึ่งเป็นรูปปูนปั้นองค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยขึ้น โดยองค์พระพิฆเนศนั้นมีขนาดใหญ่มาก หน้าตักกว้างถึง 9 เมตรและสูง 15 เมตร ส่วนปางคือ “พระพิฆเนศปางนั่งประทานพร” หรือเรียกว่า “ปางคณบดี” และ “ปางไสยาสประทานพร” นั่นเอง
ต้องอย่าลืมอีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญของการมาสักการะพระพิฆเนศที่นี่ นั่นก็คือการกระซิบข้างหู ‘หนูมุสิกะ’ เพื่อขอพรกับพระพิฆเนศ และต้องเอามือปิดหูอีกข้างหนึ่งไว้เพื่อไม่ให้เข้าหูซ้ายแล้วออกหูขวา ซึ่งหนูมุสิกะถือเป็นอีกหนึ่งบริวารของพระพิฆเนศ เช่นเดียวกับการไปสักการะพระพิฆเนศ ที่วัดสมาน จ.ฉะเชิงเทรา
ด้านหลังของอุทยานได้มี พิพิธภัณฑ์พระพิฆเนศ ที่รวบรวมเอาองค์พระพิฆเนศมาไว้ถึง 108 ปาง และแต่ละปางก็มีความหมายของการบูชาแตกต่างกันไป และอีกหนึ่งสิ่งที่ไม่ควรพลาดเลยนั่นก็คือ การสักการะบูชา พระพิฆเนศองค์ดำโบราณ ที่มีอายุ 800 กว่าปี เพื่อความเป็นสิริมงคลให้แก่ชีวิตด้วย
วิธีเดินทาง : จากตัวเมืองนครนายก ไปทางถนนสาริกา-นางรอง ถึงสี่แยกประชาเกษม เลี้ยวซ้ายไปทางน้ำตกลานรัก ถึงสี่แยกประชาเกษม เลี้ยวซ้ายไปทางน้ำตกลานรัก ประมาณ 200 เมตร อยู่ห่างตัวเมืองนครนายกราว 5 กิโลเมตร
เทวสถานโบสถ์พราหมณ์
เขตเสาชิงช้า เป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมอีกที่หนึ่งในกรุงเทพฯ ทั้งวัดวาอารมณ์และแหล่งของกิน สำหรับสายมูที่กำลังมองหาสถานที่ขอพรดีๆ อยู่ ก็ต้องที่นี่เลย “เทวสถานโบสถ์พราหมณ์” ถือเป็นสถานที่สำคัญมากที่สุดในบรรดาวัดฮินดูทั้งหมดของประเทศไทย
ได้สร้างขึ้นในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่1 โดยสร้างเมื่อ พ.ศ. 2327 หลังจากสร้างกรุงเทพฯ ได้ 2 ปี และในปัจจุบันมีอายุ 235 ปี แล้วโปรดให้นำพราหมณ์จากภาคใต้ขึ้นมาประจำราชสำนัก ทำหน้าที่ประกอบพระราชพิธีสำหรับพระองค์และราชอาณาจักร เช่น พิธีโล้ชิงช้า พิธีตรียัมปวาย พิธีโกนจุก
ภายในเทวสถานมีโบสถ์ทั้งหมด 3 หลัง ได้แก่ สถานพระอิศวร (โบสถ์ใหญ่ อยู่ด้านหลังเทวาลัยพระพรหม), สถานพระมหาวิฆเณศวร หรือ พระคเณศ หรือ พระพิฆเนศวร (โบสถ์กลาง) และสถานพระนารายณ์ (โบสถ์ริม) เป็นอาคารก่ออิฐถือปูนชั้นเดียวทรงไทย มีกำแพงล้อมรอบ เทวสถานได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานสำคัญของชาติ ในปี พ.ศ. 2492 และได้รับรางวัลอนุรักษ์ศิลปสถาปัตยกรรมดีเด่น ประเภทปูชนียสถานและวัดวาอาราม
สำหรับสถานที่สักการะพระพิฆเนศจะอยู่ที่ “สถานพระมหาวิฆเณศวร หรือ พระคเณศ หรือ พระพิฆเนศวร (โบสถ์กลาง)” สร้างด้วยอิฐถือปูน มีพาไลทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ภายในมีเทวรูปพระพิฆเนศวร 5 องค์ ตามรูปแบบศิลปะสมัยสุโขทัย ทำหินเกรนิต 1 องค์ หินทราย 1 องค์ หินเขียว 2 องค์ สำริด 1 องค์ ประดิษฐานบนเบญจา ประทับนั่งทุกองค์
วิธีเดินทางไป บูชาพระพิฆเนศ : อยู่ใกล้กับวัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ทาง ได้แก่
- MRT สถานีสามยอด ประตูทางออกที่ 3 แล้วเดินต่อไปอีกประมาณ 700 เมตร
- BTS สถานีสนามกีฬา จากนั้นนั่งรถเมล์สาย 15 หรือสาย 47 ลงที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย แล้วเดินต่อมาอีกหน่อยก็จะถึงเทวสถานโบสถ์พราหมณ์
วัดเทพมณเฑียร สมาคมฮินดูสมาช
วัดเทพมณเทียร ถือเป็นเทวสถานของอินเดียฝ่ายเหนือ และที่นี่ก็เป็นอีกหนึ่งสาขาในกรุงเทพมหานคร เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาฮินดู-พราหมณ์ ภายในมีเทวรูปแกะสลักจากหินอ่อน ประดิษฐานอยู่หลายองค์ มีลักษณะความงามตามแบบศิลปะอินเดียเหนือ เช่น พระพิฆเนศ พระวิษณุ พระแม่ลักษมี พระแม่สุรัสวดี พระพรหม พระศิวะ พระแม่ทุรกา พระพุทธเจ้า พระกฤษณะ พระราม ศิวลึงก์ หลุมศพพระนางสตี
นอกจากนี้ บริเวณภายในยังมีศิลปะฝาผนังภาพนูนต่ำ แสดงภาพมหาเทพในศาสนาฮินดู ทั้งพระนารายณ์ปางเปิดโลก พระตรีมูรติ พระแม่คายตรี พระกฤษณะ ฯลฯ เรียงรายตามฝาผนังเป็นแนวยาว สำหรับใครที่ต้องการประสบความสำเร็จในชีวิต จะเข้ามากราบไหว้พระพิฆเนศ โอรสของพระอิศวรและพระแม่อุมา มหาเทพผู้ประทานความสำเร็จแก่ผู้ศรัทธาเสมอ
วิธีเดินทาง : อยู่ใกล้กับวัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ทาง ได้แก่
- MRT สถานีสามยอด ประตูทางออกที่ 3 แล้วเดินต่อไปอีกประมาณ 700 เมตร
- BTS สถานีสนามกีฬา จากนั้นนั่งรถเมล์สาย 15 หรือสาย 47 ลงที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย แล้วเดินต่อมาอีกหน่อยก็จะถึงเทวสถานโบสถ์พราหมณ์
พระพิฆเนศ มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตเพชรบุรี
องค์พระพิฆเนศหล่อโลหะ ขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ขนาดหน้าตักกว้าง 96 นิ้ว หรือประมาณ 2 เมตร 45 เซนติเมตร มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตสารเทศเพชรบุรี สร้างขึ้นเพื่อเป็นศูนย์รวมจิตใจและเป็นสิริมงคลแก่นักศึกษา และบุคลากร และเป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติในโอกาสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ในปีพ.ศ.2549
สำหรับเทวลักษณะขององค์พระพิฆเนศ หรือที่เรียกกันว่า “องค์พระคเณศ” ประจำมหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตสารเทศเพชรบุรี มีพระอิริยาบถประทับนั่ง มี 4 พระกร ทรงวัชระ ปัถมะ(ดอกบัว) ทันตะ (งา) ถ้วยขนมโมทกะซึ่งเป็นรูปหัวกะโหลก ทรงสวมสายสังวาลงู และทรงเครื่องพัสตราภรณ์เรียบง่าย
เมื่อมองโดยรวมแล้วจะรู้สึกถึงพระวรกายที่อิ่มเอิบ กลมกลึง โดยประติมากรผู้รับหน้าที่ออกแบบปั้นและหล่อ คือ อาจารย์เศวต เทศน์ธรรม ประติมากรอาวุโส ผู้เป็นหนึ่งในศิษย์คนสำคัญของอาจารย์ศิลป์ พีระศรี
วิธีเดินทาง บูชาพระพิฆเนศ : สามารถเดินทางโดยรถส่วนตัวได้จากกรุงเทพฯ สามารถเดินทางได้ 2 เส้นทางได้แก่
- เส้นทางแรก (เส้นพระราม 2) ใช้เส้นทางสายธนบุรี-ปากท่อ ทางหลวงหมายเลข 35 ผ่านจังหวัด สมุทรสาคร สมุทรสงครามแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนเพชรเกษม เส้นทางหลวงหมายเลข 4
พอถึงแยก ชะอําให้ใช้ถนน Bypass ชะอํา – ปราณบุรี เรื่อยมาจนเกือบถึงหัวหิน มหาวิทยาลัยตั้งอยู่ทาง ขวามือ มีป้าย “ม.ศ.ก.” สีขาว ซึ่งเป็น คําย่อชื่อมหาวิทยาลัยศิลปากร เป็นจุดสังเกต รวมระยะทาง ประมาณ 200 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง
- เส้นทางที่สอง ใช้เส้นทางสายเพชรเกษม ทางหลวงหมายเลข 4 ผ่านพุทธมณฑล นครปฐม ราชบุรี เพชรบุรี และใช้ถนนเส้น bypass ชะอํา – ปราณบุรี รวมระยะทางประมาณ 250 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง
เทวาลัยคเณศร์ พระราชวังสนามจันทร์ จังหวัดนครปฐม
เทวาลัยคเณศร์ ตั้งอยู่ในบริเวณพระราชวังสนามจันทร์ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเป็นศาลเทพารักษ์ เป็นที่ประดิษฐานพระคเณศร์ หรือพระพิฆเนศวร ซึ่งนับถือว่าเป็นเทพเจ้าแห่งความรู้ เป็นผู้มีปัญญาเป็นเลิศ ปราดเปรื่องในศิลปวิทยาทุกแขนง
และสร้างเทวาลัยคเณศร์ไว้กลางพระราชวังสนามจันทร์ เพื่อทำพิธีบวงสรวงและเพื่อความเป็นสิริมงคลแห่งพระราชวังสนามจันทร์ เมื่อมองจาก ระที่นั่งพิมานปฐมจะเห็นพระปฐมเจดีย์ เทวาลัยคเณศร์และพระที่นั่งพิมานปฐมอยู่ในแนวเส้นตรงเดียวกัน
วิธีเดินทาง : จากกรุงเทพฯ ใช้ถนนปิ่นเกล้า-นครชัยศรี ไปบรรจบกับทางหลวงหมายเลข 4 ถึง จ.นครปฐม แยกขวาเข้า พระราชวัง
ศูนย์ปฏิบัติธรรมสาขาวัดช่องลม 2 สวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี
ท่ามกลางภูเขาที่มีป่าไม้เขียวขจีล้อมรอบอยู่ ได้มีพระพิฆเนศ สีเขียวองค์ใหญ่ตั้งอยู่ตรงกลาง ณ ศูนย์ปฏิบัติธรรมสาขาวัดช่องลม 2 สวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี และยังมีพระโพธิสัตว์อย่างเจ้าแม่กวนอิมตั้งอยู่บริเวณข้างๆ ที่แห่งนี้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมและเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรม เป็นสถานอบรมจริยธรรมและคุณธรรมแก่เยาวชนมาหลายปีแล้ว
องค์พระพิฆเนศปางประทานพร มีขนาดหน้าตักกว้าง 9 เมตร สูง 12 เมตร นับว่าเป็นองค์พระพิฆเนศที่ใหญ่ที่สุดในแนวเทือกเขาตะนาวศรี ท่ามกลางหุบเขาสวยงาม ด้านหลังติดธารน้ำลำภาชี ด้านหลังติดมีธารน้ำลำภาชีคั่นกลางระหว่างวัดและภูเขา
วิธีเดินทาง : ห่างจากตัวตลาดอำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี ประมาณ 5 กิโลเมตร
นอกจากคนส่วนใหญ่จะมาขอพรเรื่องการงาน การเงิน ความรักแล้วนั้น อีกหนึ่งเรื่องที่คนมักจะขอพรคือเรื่องโชคลาภ ขอให้ถูกหวย แอดมินอยากจะแนะนำเว็บหวยออนไลน์ที่ชื่อว่า tode69 เป็นเว็บไซต์ที่มีทั้งหวยทุกรูปแบบ รวมไปถึง world casino ออนไลน์ อย่ารอช้ารีบไป สมัคร tode รับทรัพย์กันรัวๆเลยจ้า
สรุป บูชาพระพิฆเนศ
จากสถานที่ทั้งหมดที่แอดมินได้แนะนำไป เป็นสถานที่สำหรับผู้ที่เคารพและศรัทธาในตัวของ พระพิฆเนศ ใครอยู่ใกล้ที่ไหนก็สามารถไปที่นั่นได้เลย หรือว่าไปเที่ยวบริเวณนั้นก็สามารถแวะเข้าไปชมความงามขององค์พระพิฆเนศและทำการสักการะก็ได้
แต่จงอย่าลืมเสมอว่าไม่ว่า คุณจะสักการะเทพองค์ใด ไม่ว่าจะเป็นพระพิฆเนศหรือเทพองค์อื่นๆ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือตัวของคุณเอง หากอยากประสบความสำเร็จในสิ่งใดสิ่งหนึ่งก็ต้องพยายามด้วยตัวเองก่อน การขอพรเป็นเพียงสิ่งที่ช่วยเสริมสร้างกำลังใจและช่วยผลักดันให้ประสบความสำเร็จ แต่เบื้องหลังจริงๆ นั้นก็คือตัวเราเอง จะสำเร็จหรือไม่นั้นก็อยู่ที่ตัวเราแล้ว
บทความที่เกี่ยวข้อง
